ด้วยพลังฝีมือของคนทั้งสองแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีใครเกรงกลัวใคร
มีแต่ยอดหญิงนางสวรรค์อย่างไป่หลี่ชิงหยานเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนยอมร่วมกลุ่มจับมือกันได้
เพราะฉะนั้นต้วนชิงหงจึงไม่ได้รู้เลยว่าจงฮันหลินนั้นไปมีเรื่องใดๆ กับเย่หยวนมาก่อน
จงฮันหลินหัวเราะออกมาพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า ทำให้ใบหน้าของต้วนชิงหงดูมืดมนลง
“เจ้าไปไกลๆ เสีย! ไอเด็กคนนี้ข้าจะจัดการมันเอง!” ต้วนชิงหงกล่าวออกมา
จงฮันหลินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “เจ้าสิไปไกลๆ ไอ้เด็กคนนี้มันเหยื่อข้า! ห้ามใครมาแย่งมัน!”
ต้วนชิงหงตอบกลับมา “ทำไม? เจ้าจะเอาหรือ?”
“เอาก็เอาสิ คิดว่าข้ากลัวเรอะ?”
คนทั้งสองนั้นปล่อยคลื่นพลังของราชันพระเจ้าเก้าดาวออกมาข่มขู่อีกฝ่ายกันเต็มที่ทำให้ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ได้แต่ตกตะลึง
เมื่อคนทั้งสองปล่อยคลื่นพลังออกมากลางอากาศ มันกลับไม่มีใครเหนือเปรียบไปกว่าใครและกดดันกันได้อย่างเท่าเทียม
คนทั้งสองไม่คิดที่จะสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อย ราวกับว่าหากแค่พวกเขาลงมือเย่หยวนย่อมจะไม่สามารถตอบโต้ใดๆ กลับมาได้
ศิษย์จากนิกายคชสารมานั้นได้แต่ยืนงง สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย่หยวนยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น แต่ทำไมคนทั้งสองนี้ถึงกลับคิดจะมาปะทะกันเองเสียก่อนแล้ว ไม่กลัวบ้างหรือว่าเย่หยวนจะใช้จังหวะนี้ถอยหนีหายไป?
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวจากปากจงฮันหลิน พวกเขาต่างก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาในใจ
นางฟ้านางสวรรค์ระดับไป่หลี่ชิงหยานกลับต้องมาก้มหัวให้เย่หยวน มันเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างมาก
“เลิกบ่นมากปากเหม็นได้แล้ว พวกเจ้าโจมตีเข้ามาพร้อมกันเลย” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังหาเรื่องกันนั้นเย่หยวนก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนทั้งสองได้แต่หันหน้ามามองเย่หยวนพร้อมๆ กันด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า
“ไอ้เด็กเวรนี่รนหาที่ตายแล้ว รู้ตัวไหม?” จงฮันหลินบอก
เย่หยวนตอบกลับไป “ไอ้ความมั่นใจผิดๆ ที่อัจฉริยะปลอมๆ อย่างพวกเจ้ามีนี่มันเหนือล้ำจริงๆ ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าไปเอามันมาจากไหนมากมาย เจ้าถึงได้คิดว่าจะจัดการข้าลงได้ง่ายปานนั้น”
ต้วนชิงหงหัวเราะออกมา “ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้แล้วล่ะว่าพวกข้าเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ขอทำให้เจ้าสงบปากก่อนแล้วค่อยมาตกลงกับจงฮันหลินอีกที”
ฟุบ!
ร่างของต้วนชิงหงขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วพลิ้วราวหงส์ที่โบยบิน จนมาถึงตรงหน้าของเย่หยวนในเวลาแค่พริบตา
ใบพัดที่เขาถืออยู่ในมือผสานมาด้วยพลังแนวคิด พุ่งเข้าโจมตีลำคอของเย่หยวนทันที
จงฮันหลินนั้นตื่นตกใจมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกนำหน้าไปก่อน
แต่ว่าเขาก็ได้แต่หัวเราะและไม่คิดจะลงมือใดๆ
คนระดับเขาแล้วย่อมไม่คิดที่จะรังแกใครด้วยจำนวน
ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนมันย่อมไม่มีทางที่จะต้องให้เขาและต้วนชิงหงลงมือพร้อมๆ กันเลย
แต่จู่ๆ ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง “ผสานแนวคิด! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”
ตอนนี้มิใช่แค่เขา แต่ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ต้วนชิงหงนั้นรวดเร็วมาก แต่เย่หยวนกลับเร็วเสียยิ่งกว่า!
ดาบของเย่หยวนถูกชักออกมาราวสายรุ้งที่ส่องแสง คลื่นพลังดาบที่รุนแรงนั้นกลับเป็นฝ่ายพลักดันให้ต้วนชิงหงเสียกระบวนแทน
เมื่อคนทั้งสองปะทะกัน ต้วนชิงหงกลับถูกเย่หยวนกดดันได้ในพริบตา
มีหรือที่ต้วนชิงหงจะรู้ว่านอกจากเย่หยวนจะสำเร็จแนวคิดได้แล้ว เขายังสามารถจะผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกันได้?
ดาบแสงนั้นมันเหมือนเคียวในมือยมทูตที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ออกมาจากจิตวิญญาณ
“เจ้าจะยืนนิ่งทำไมอีก? ยังไม่รีบเข้ามาช่วยกันกำจัดมันอีกหรือ?”
ต้วนชิงหงนั้นถูกกดดันอย่างหนักแต่กลับเห็นว่าจงฮันหลินได้แต่ยืนนิ่ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง
ถึงเวลานี้แล้วมันจะยังมีเวลามาวางท่ารักษาหน้าตาใดๆ อีก?
ตราบเท่าที่พวกเขาจัดการเย่หยวนลงได้ เรื่องสู้สองรุมหนึ่งใครจะไปสน?
จงฮันหลินได้ยินและสะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากภวังค์ เขายกหอกยาวขึ้นและพุ่งเข้าแทงใส่เย่หยวนในทันที
คนทั้งสองนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายเมื่อได้สู้สองต่อหนึ่งกับเย่หยวนแล้วพวกเขากลับทำได้แค่ตีเสมอไม่ให้เย่หยวนชิงได้เปรียบไปกว่านี้
เจ่าเจาและพวกต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...