“เจ่าเจา ระดับสี่! ผ่านการทดสอบ!”
เมื่อสิ้นเสียงของผู้ดูแลหงมันก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาในทันที
“เจ่าเจากลับไปถึงระดับสี่ได้ สมชื่อที่ถูกเรียกขานว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งนิกายคชสารมารจริงๆ”
“เทียบกันแล้วฮันยองของนิกายเมฆาสายฟ้านั้นมันช่างอ่อนแอนัก”
“ยอดอัจฉริยะที่นิกายเมฆาสายฟ้าส่งมาคราวนี้มันช่างอ่อนแอนัก!”
…
ความแค้นเคืองของนิกายระดับนภาสวรรค์นั้นมันย่อมมิใช่เรื่องปิดลับใดๆ
ทุกคนในที่นี้ต่างจากมานิกายระดับนภาสวรรค์ทั้งสิ้น เรื่องความสัมพันธ์ของนิกายเมฆาสายฟ้าและนิกายคชสารมารพวกเขาจึงต่างรู้ดีแก่ใจ
ฮันยองหน้าเสียอย่างมาก เขาคิดว่าอย่างมากเจ่าเจาก็น่าจะอยู่แค่ที่ยอดระดับสาม ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ่าเจาคนนี้กลับขึ้นไปถึงระดับสี่ได้
เช่นนี้แล้วความกดดันที่ตัวเขามีจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
มันไม่สำคัญว่าเขาจะแก้ยังไง แต่สุดท้ายหากเขาแพ้มันก็จะหมายความว่านิกายเมฆาสายฟ้านั้นต่ำต้อยกว่านิกายคชสารมาร
ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างยืนเคียงกันมาตลอด เพียงแค่ว่าช่วงหลายปีมานี้นิกายคชสารมารนั้นได้พัฒนาไปอย่างมากโข ทำให้มันเริ่มยิ่งใหญ่จนบดบังอำนาจของนิกายเมฆาสายฟ้าไป
นั่นทำให้ฮันยองยิ่งไม่อยากจะแพ้เข้าไปใหญ่
เจ่าเจาลงมาจากกลางอากาศและจงใจเดินผ่านหน้าฮันยองมาพร้อมคำถากถาง “ฮันยอง ข้าทำได้ถึงระดับสี่ ข้ารู้ดีว่าเจ้าคงไม่ยอมง่ายๆ เพราะฉะนั้นจงอย่าได้ต่ำกว่าระดับนี้ไปล่ะ!”
ฮันยองหน้าแดงขึ้นมาด้วยความโกรธ ปากอยากเถียงกลับในสมองกลับคิดคำเถียงใดๆ ไม่ออกเลย
เพราะต่อให้อวดอ้างตัวเองไปตอนนี้ หากถึงตาแล้วไม่สามารถทำได้จริงมันก็ย่อมเป็นเขาเองก็ต้องเสียหน้า
เวลานั้นเองที่เย่หยวนกลับพูดขึ้นแทน “เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงตาพี่ฮันคนนี้ เขาจะได้ระดับสูงกว่าเจ้าและไม่มีทางต่ำตมไปกว่าเจ้าได้แน่”
สามพี่น้องเจ่าและฮันยองนั้นเป็นศัตรูแค้นกันมานาน เขาแค่คิดลงมาหาเรื่องศัตรูเก่าแก่ ไม่นึกไม่ฝันว่าข้างๆ ฮันยองจะมีเย่หยวนอยู่ด้วย
ได้ยินคำพูดนั้นของเย่หยวนเจ่าเจาก็หน้าถอดสีลงทันทีด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
“หึ! ค-แค่คนอย่างมันน่ะหรือ? หรือว่าข้าจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของมันอีก?” เจ่าเจายืนคอตอบกลับมาด้วยท่าทางฝืนๆ
เขานั้นเกรงกลัวเย่หยวน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวฮันยอง
เพราะพวกเขาสู้กันมาเกือบครึ่งชีวิต มีหรือที่เขาจะยังไม่รู้ถึงฝีมือของฮันยอง?
เย่หยวนตอบกลับไป “สิ่งที่ยอดกลองจรัสทดสอบนั้นคือความเป็นไปได้หาใช่พลังฝีมือ ตอนนี้เจ้ามีพลังฝีมือที่เหนือกว่าเขาจริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าตัวเขา”
เมื่อเจ่าเจาได้ยินเขาก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “แค่มันเนี่ยนะ? หากมันก้าวผ่านข้าไปได้จริงข้าจะมุดหัวให้มันเตะเล่นเป็นลูกบอลเลย!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ไม่ต้องหรอก หากเขาก้าวข้ามเจ้าไปได้เจ้าไปตะโกนต่อหน้าผู้คนว่านิกายคชสารมารมันขยะสามครั้ง! เจ้ากล้าเดิมพันไหม?”
เมื่อเจ่าเจาได้ยินคำของเย่หยวนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นทันที
นี่คือการเดิมพันด้วยชื่อเสียงของนิกาย มิใช่เรื่องที่เขาจะเอามาล้อเล่นได้
เมื่อเย่หยวนเห็นท่าทางนั้นเขาก็บอกออกมา “ดูท่าเจ้าจะไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นนะ ฉะนั้นเวลาคนยังไม่ทันยได้ขึ้นสนามก็อย่าเพิ่งมาอวดอ้างตัว คนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามันมีอีกมากมายก่ายกอง!”
เมื่อเห็นเย่หยวนหยุดเจ่าเจาไว้ด้วยคำพูดเหล่านั้น ฮันยองก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาตาม
เขาย่อมรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจจะเทียบเคียงเจ่าเจาได้ แต่การทำให้อีกฝ่ายอึดอัดได้เช่นนั้นมันก็ทำให้เขาดีใจมากพอแล้ว
เจ่าเจายิ้มตอบกลับมา “เจ้ายั่วข้า? คิดว่าข้าจะตกหลุมพรางง่ายๆ ขนาดนั้นเลย?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ไม่ว่าข้าจะยั่วใดๆ หรือไม่ เจ้ามันก็เป็นได้แค่ไอ้ขยะแสนขี้ขลาด! เจ้าไม่กล้าที่จะรับคำท้าเพราะเจ้าไม่มีความมั่นใจล่ะมั้ง? เอางี้ไหม ข้าขอท้า หากตัวข้าแพ้ให้แก่เจ้าข้าจะยอมฆ่าตัวตายต่อหน้าเทือกเขาเงาจันทร์นี้เลย! เจ้าว่ายังไง กล้าไหม?”
เจ่าเจาได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา แน่นอนสิว่าเจ้าต้องกล้าท้า!
มีหรือที่ยอดอัจฉริยะผู้ผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกันได้จะแพ้พ่ายให้คนอย่างเขา?
ไอเจ้าหมอนี่มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าต้วนชิงหงและจงฮันหลินรวมกัน!
“ฮ่าๆๆ… เจ้านี่มันขี้ขลาดจริงๆ ไม่กล้าที่จะรับคำท้าแค่นี้! หากเจ้าไม่กล้าก็ไปไกลๆ อย่าได้มาทำอะไรขัดหูขัดตาแถวนี้! ระดับสี่มันเก่งมากหรือ?” ฮันยองหัวเราะเสริมเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...