เมื่อเย่หยวนวางผลึกปราณเทวะสุดท้ายลงไป พลังวิญญาณที่เดิมทีแสนเบาบางนั้นมันก็กลับปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่งราวภูเขาไฟระเบิด
คลื่นพลังวิญญาณในตอนนี้มันหนาแน่นมากจนแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เซงโหยวหัวเราะลั่นออกมาด้วยความยินดี “ฮ่าๆๆ… เย่หยวน ครั้งนี้มันต้องขอบคุณเจ้าเลยจริงๆ! ข้าไม่นึกเลยว่าเราจะได้มาพบเจอกับตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นเช่นนี้ พลังวิญญาณที่บ้าคลั่งขนาดนี้การที่ข้าจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวก็คงไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!”
เดิมทีเขาคิดว่าให้เย่หยวนมาเปิดถ้ำหลวงด้วยตัวคนเดียวมันจะอันตรายจนเกินไป จึงคิดติดตามมาช่วยเหลือ
สุดท้ายนอกจากเขาแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้ว เขายังได้รับขุมทรัพย์มาด้วย
เย่หยวนยิ้ม “ด้วยความหนาแน่นของพลังวิญญาณที่มากขนาดนี้การบ่มเพาะของเราน่าจะราบรื่นไปอีกนับพันปี แต่ว่าตอนนี้เราต้องปิดกั้นการปะทุนี้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นมันอาจจะเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนจากรอบทิศให้มาติดตามดูก็เป็นได้”
เซงโหยวรู้สึกเช่นเดียวกันจึงพยักหน้ารับ “ที่เจ้าว่ามาก็ถูก! แต่พลังวิญญาณที่บ้าคลั่งขนาดนี้เราจะปิดกั้นมันคงไม่ง่ายนัก!”
เย่หยวนยิ้มและเริ่มลงมืออีกครั้ง
หลังผ่านไปได้หลายชั่วโมง ในที่สุดพลังวิญญาณในพื้นที่แถบนี้ก็เริ่มสงบลง หากมองจากภายนอกมันจะไม่ดูต่างจากส่วนอื่นๆ ของยอดเขาเลย
แต่ภายใต้ความสงบนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณที่แสนบ้าคลั่งจนทำให้ขนลุกซู่
เมื่อเห็นท่าทางของเย่หยวนที่ยังคงง่วนทำอะไรไปไม่หยุดมือ หัวใจของเซงโหยวก็สั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง
ชายคนนี้ช่างเหนือล้ำจินตนาการ!
ระหว่างที่พวกเขากำลังง่วนจัดเตรียมพื้นที่อยู่นั้นเซงโหยวก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
เพราะตอนนี้กำลังมีคลื่นพลังอันแข็งแกร่งหลายจุดเดินเข้ามายังที่แห่งนี้จากทุกทิศ
จากนั้นก็พบว่ามีสามสัตว์อสูรกำลังค่อยๆ เดินเข้ามา ปรากฏร่างกายจากป่าทึบ
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกวางพูดขึ้นด้วยภาษามนุษย์ “หึ ไม่นึกเลยว่าในที่แบบนี้บนยอดเพลิงเมฆาจะยังมีตาล่มวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณขนาดนี้!”
ดูแล้วสัตว์อสูรทั้งสามนี้คงสามารถปลดสติสัมปชัญญะได้แล้ว
“เย่หยวน! นี่มัน… สามสัตว์อสูรระดับห้า!”
เซงโหยวหน้าซีดเผือดลงทันที ความดีใจใดๆ ที่เคยมีตอนพบเจอตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นนั้นมันได้หายไปจนสิ้น
เย่หยวนนั้นยังคงง่วนมือเตรียมการไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าจะสนใจสัตว์อสูรทั้งสามตัวนี้เลย
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหมูป่าพูดขึ้นตาม “เด็กน้อย เพื่อเป็นการตอบแทน เฒ่าหมูคนนี้จะกินพวกเจ้าให้เอง!”
สัตว์อสูรรูปร่างคล้ายหมีอีกตัวบอก “ไอ้หมู เฒ่ากวาง ที่แห่งนี้มันไม่เกี่ยวข้องใดกับพวกเจ้า ไปไกลๆ เสีย!”
“ไอ้หมีดำ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าเฒ่าหมูคนนี้จะกลัวเจ้าหรือ?”
สามสัตว์อสูรนั้นไม่คิดจะสนใจเย่หยวนและเซงโหยวแม้แต่น้อยและกำลังถกเถียงกันเรื่องดินแดนพื้นที่ของกัน
เวลานั้นเองที่เย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนมาด้วยท่าทางโล่งอก “เสร็จเสียที!”
หมียักษ์ตัวนั้นบอก “หึๆ ไอ้เด็กคนนี้มันมีฝีมือ ถึงขั้นปิดกั้นตาล่มวิญญาณนี้ได้ ดูจากภายนอกคงไม่มีทางรู้ได้เลย เอาล่ะเด็กน้อย รีบหนีไปเสีย เฒ่าหมีคนนี้ให้เวลาเจ้าสิบอึดใจ หากเจ้าหนีได้ก็ถือว่าดวงชะตาของเจ้ายังไม่ขาด”
เย่หยวนไม่คิดสนใจคำพูดนั้นและหันไปบอกเซงโหยวด้วยรอยยิ้ม “ที่เหลือก็แค่ทำการเปิดถ้ำหลวง เลิกยืนนิ่งแล้วมาช่วยกันทำงานเร็ว”
เซงโหยวแทบจะบ้าตาย เจ้าหมอนี่ทำไมมันถึงได้ด้านชาขนาดนี้? ไม่เห็นหรือว่ามีสัตว์อสูรระดับห้ากำลังพยายามคุยด้วยอยู่?
กวางเฒ่าตัวนั้นหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆ ไอ้หมี เจ้าโดนเด็กมนุษย์ระดับสี่เมินใส่ ช่างน่าอับอายแท้!”
หมียักษ์นั้นโกรธจนควันออกหูเมื่อได้ยิน “ไอ้เด็กคนนี้ เฒ่าหมีคนนี้พูดกับเจ้าอยู่ เจ้าได้ยินไหม?”
เย่หยวนหันมาชายตามอง “ไอ้หมีดำนี่หรือที่พูดกับข้า?”
หมีดำตัวนั้นโกรธจนขึ้นหน้า ไอ้เด็กคนนี้มันไม่รู้จักความหวาดกลัวเสียแล้ว!
“เด็กน้อย เจ้ากล้าล้อเลียนเฒ่าหมีคนนี้ เตรียมตัวตายไปด้วยการตะปบเดียวของเฒ่าหมีนี้เสียเถอะ!” หมียักษ์นั้นโกรธอย่างมาก มันยกกรงเล็บขึ้นมาด้วยท่าทางพร้อมพาดลงยังร่างของเย่หยวน
เย่หยวนยิ้มบอก “พวกเจ้าทั้งสามชอบตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้น? หากเจ้าอยากบ่มเพาะที่นี่มันย่อมได้ เจ้าแค่ต้องปกป้องดูแลถ้ำหลวงให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นข้าจะเตะก้นพวกเจ้าออกไปให้หมด”
คำพูดของเย่หยวนมันทำให้สามสัตว์อสูรนั้นมึนงงอย่างมาก
เซงโหยวได้ยินเช่นนั้นก็เกิดขนลุกขึ้นมา เย่หยวนนี่บ้าไปแล้ว? ถึงขั้นกล้าไปท้าทายราชันสัตว์อสูรระดับห้าเช่นนี้!
“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กคนนี้มันอยากให้เราเฝ้าประตู! ดูท่ามันคงไม่มีสมองจริงๆ! เฒ่าหมีจะส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง!”
หมียักษ์หัวเราะลั่นพร้อมตะปบกรงเล็บลงมายังร่างเย่หยวน
การตะปบนี้มันแฝงไปด้วยพลังที่มหาศาล
พลังของอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...