เชียนเย่ อี้ชิงเซียง เจียงเชอเหยียนและพวกต่างกลับออกมาด้วยสภาพรุ่งริ่งราวกับเป็นขอทานที่เดินทางมาจากเดินไกล
ซ่งถิง ต้วนชิงหง จงฮันหลินและพวกนั้นกลับยิ่งมีสภาพที่น่าสมเพชเสียยิ่งกว่า ตอนนี้พวกเขาบาดเจ็บอย่างสาหัสจนอาจถึงแก่ความตายได้ในไม่ช้า
แม้ต้องเผชิญการล้อมจากสามยอดสัตว์อสูรนั้นคนกลุ่มนี้กลับสามารถฝ่ามันกลับออกมาได้ในที่สุด แม้ว่าจะต้องบาดเจ็บเสียหายกันไปถ้วนหน้าก็ตามที
เชียนเย่นั้นได้แต่กัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “นรกเสียจริง! สัตว์อสูรระดับห้านั้นเป็นตัวตนที่แสนหยิ่งยโส เหตุใดพวกมันจึงได้มารวมตัวกันอยู่เช่นนี้ได้?”
ตอนนี้เจียงเชอเหยียนนั้นไม่เหลือสภาพของนางงามนางฟ้าใดๆ แล้วนางนั้นมีสภาพเหมือนกับคนบ้าก็ไม่ปาน
ได้ยินคำของเชียนเย่ นางจึงตอบกลับมาด้วยลมหายใจหนักๆ “ไอ้สัตว์อสูรพวกนั้นมันน่าจะเป็นถึงราชันของยอดเพลิงเมฆาแท้ๆ เหตุใดมันจึงออกมาในพื้นที่เดียวกันได้เช่นนี้?”
เชียนเย่หันไปหัวเราะ “ช่างมันเถอะ เมื่อสามสัตว์อสูรนี้มันปรากฏตัวออกมาพร้อมกันแล้วไอ้เด็กคนนี้ก็ย่อมไม่มีทางรอดเหลือซากร่างไปได้แน่ๆ”
คนทั้งหลายได้แต่พยักหน้ารับเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เพราะถึงแม้พวกเขาจะติดใจสงสัยปรากฏการณ์นี้มากแค่ไหนมันก็ไม่มากพอจะทำให้พวกเขาอยากเข้ายอดเพลิงเมฆาอีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไรดูจากร่องรอยแล้ว เย่หยวนย่อมต้องเข้าไปในบริเวณนั้นเองผลที่ตามมามันก็คงไม่มีทางเป็นอื่นใดไปได้
เมื่อยืนยันได้แน่ชัดว่าเย่หยวนตายลงแล้วพวกเขาก็ย่อมไม่มีสนใจเรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลนี้อีกต่อไปแล้ว
อี้ชิงเซียงพูดขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจ “หากไอ้เด็กคนนั้นมันจะตาย มันก็ตายไป นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะต้องมาบาดเจ็บเจอความยากลำบากเช่นนี้เพราะมันอีก!”
เจียงเชอเหยียนบอก “เอาล่ะ เลิกบ่นสักที! หากไอ้เด็กนั้นมันยังอยู่มันคงเป็นภัยต่อเราสามนิกายใหญ่อย่างมาก! ตอนนี้พวกเจ้ารีบพาเจ้าสองคนนั้นกลับไปก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นมันคงได้ตายจริงๆ แน่!”
เชียนเย่และอี้ชิงเซียงหน้าถอดสีทันที พวกเขาพ่นลมออกมาจากจมูกและมุ่งหน้ากลับไปยังยอดผู้กล้าสวรรค์ทันที
…
หลังผ่านไปได้อีกหลายปี ตอนนี้ปรากฏเงาร่างหนึ่งมาถึงยังยอดผู้กล้าสวรรค์ ทำให้สายตาหลายๆ คู่ของศิษย์ในยอดนี้ต้องหันมามอง
“เอ๋ นั่นมันไป่หลี่ชิงหยานแห่งยอดพรรณสวรรค์นี่? ทำไมนางถึงได้มายังยอดผู้กล้าสวรรค์เรากัน?”
“สวยงามแท้! ที่สำคัญกว่าก็คือนางมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำอย่างมาก ข้าได้ยินว่านางเข้านิกายมาได้ไม่กี่ปีก่อน แต่ตอนนี้กลับสามารถบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้แล้ว”
“ช่างเป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้ ตอนนี้ทางนิกายต่างเร่งผลักดันให้นางฝึกฝนอย่างเต็มที่ คิดจะให้นางเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ครานี้”
…
เวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ เรียกได้ว่าไป่หลี่ชิงหยานกลายเป็นดาวเด่นอย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ในนิกายเงาจันทร์เลย
นางนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันไปมาก แม้แต่ศิษย์เก่าก่อนหลายๆ คนยังต้องถูกนางก้าวข้ามไปได้อย่างง่ายดาย
กฎในการเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นั้นคือต้องมีอายุขัยไม่เกินสองพันปี และยังต้องเป็นผู้ที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นไป
ในนิกายเงาจันทร์ทั้งสิ้นนั้นมีศิษย์อยู่หลายคนที่ผ่านเงื่อนไขนี้ได้
อย่างเช่นนั้นเจียงเชอเหยียนและเชียนเย่ พวกเขาต่างเป็นตัวเต็งของการไปร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่
เพียงแค่ว่าหากเอาพรสวรรค์ของพวกเขามาเทียบกับไป่หลี่ชิงหยานแล้วมันยังห่างชั้นกันไปมาก
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นเริ่มแสดงผลงานออกมาได้ตั้งแต่ตอนสอบเข้า แถมด้วยอำนาจที่แข็งแกร่งของนิกายเหย้าอมตะแล้ว ทางนิกายจึงลำเอียงและเพิ่มทรัพยากรบ่มเพาะให้นางอย่างมากมาย
เมื่อมีทั้งพรสวรรค์และทรัพยากร ไป่หลี่ชิงหยานจึงพัฒนาฝีมือของตนได้อย่างก้าวกระโดดจนไม่มีใครตามหลังนางได้ทัน
ช่วงหลายปีมานี้ ไป่หลี่ชิงหยานแทบจะบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้แล้วด้วยซ้ำ
สำหรับศิษย์ทั่วๆ ไปแล้วการทำเช่นนี้ได้มันมิใช่เรื่องราวพลิกฟ้าดินใดๆ แต่มันก็ย่อมมิใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาอันแสนสั้น
“ศิษย์น้องท่านนี้ ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าเย่หยวนอยู่ที่ใด?”
ไป่หลี่ชิงหยานหยุดศิษย์ราชันพระเจ้าเก้าดาวคนหนึ่งไว้ถาม ทำให้ศิษย์คนนั้นแทบจะสิ้นลมไปเพราะความตื่นเต้นดีใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...