ที่ยอดเพลิงเมฆา จนทุกวันนี้มันก็ยังคงเป็นสถานที่รกร้าง
แต่ในวันนี้มันกลับมีหลายเงาร่างกำลังเดินขึ้นมาบนยอดเขานี้
หนึ่งในคนที่มานั้นมองดูรอบๆ ด้วยความหวาดกลัวและกังวล “ข้าได้ยินว่าที่ยอดเพลิงเมฆานี้มีสัตว์อสูรระดับห้าอยู่หลายตัว หวังว่าเราจะไม่ไปเจอมันเข้านะ!”
คนที่นำหน้าหันกลับมาบอก “จะกลัวอะไร? ยอดเพลิงเมฆามันแสนกว้างใหญ่ สัตว์อสูรระดับห้าเองก็มีแค่ไม่กี่ตัวหรอก มีหรือที่เราจะบังเอิญไปเจอมันเข้า? วันนี้ขอแค่เราหาหญ้าหางชาดเจอเราก็ย่อมสามารถทำภารกิจที่นิกายให้มาให้ลุล่วงได้!”
อีกคนหนึ่งบ่นตามออกมา “บ้าจริงๆ! ทำไมเจ้าหญ้าหางชาดมันต้องมาขึ้นบนยอดเพลิงเมฆานี้ด้วยนะ? ยอดเพลิงเมฆานี้มันอันตรายมากกว่าสถานที่ใดๆ ในเทือกเขาเงาจันทร์เลยนะ!”
จู่ๆ ดวงตาของคนผู้หนึ่งในกลุ่มก็เบิกกว้างพร้อมร้องออกมา “หญ้าหางชาด!”
นั่นทำให้ทุกผู้คนหันไปมองตามและพบว่ามีหญ้าสมุนไพรนั้นขึ้นอยู่ไม่ไกล ตัวต้นมันมีสีแดงชาดพร้อมใบที่ยาวเหยียดออกมาราวกับเป็นหางของสัตว์
คนทั้งหลายนี้ต่างตื่นเต้นดีใจและวิ่งเข้าไปหามันทันที
แต่เวลานั้นเองมันกลับมีคลื่นพลังอันแสนรุนแรงที่ทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก
จากนั้นก็ปรากฏร่างของหมียักษ์ตัวหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า
“หมีเมฆาแล้งบรรพกาล! ส-สัตว์อสูรระดับห้า! ม-มันจะไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?”
เมื่อคนที่นำหน้ามาเห็นร่างของหมีเฒ่าสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงทันที ขาทั้งสองของเขาสั่นจนมิอาจควบคุมได้
เขานั้นเป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาว แต่เมื่อต้องมาอยู่ตรงหน้าหมีตัวนี้พลังของเขานั้นมันกลับไม่มีค่าใดเลย
หมีเมฆาแล้งบรรพกาลมองดูกลับมาด้วยท่าทางโกรธเคืองแทบอยากสังหารพวกเขาลง “แมลงน้อยมารบกวนเวลาบ่มเพาะของเฒ่าหมีผู้นี้อีกแล้ว! พวกเจ้าสมควรตาย!”
พูดจบมันก็ตะปบฝ่าเท้าลงมา
ด้วยพลังกดดันอันมหาศาลนี้เหล่าศิษย์นิกายเงาจันทร์ทั้งหลายจึงไม่สามารถจะต้านทานใดๆ ได้เลย ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้แต่หลับตารอให้ความตายมาเยือน
“หมีเฒ่า อย่าทำร้ายพวกเขา”
จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในป่าทำให้เจ้าหมีทำหน้าตาน้อยใจออกมาทันที แต่คลื่นพลังของมันกลับหดเล็กลงจนหายไปกับสายลม
เหล่าศิษย์ทั้งหลายนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกด้วยความยินดีที่รอดพ้นภัย
“ศิษย์หลินฟ่านขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตข้าน้อยไว้!”
ศิษย์ที่นำกลุ่มมาหันไปก้มหัวให้ทางต้นเสียง ทำให้ศิษย์คนอื่นๆ เองก็กล่าวตามออกมา
ในสายตาของหลินฟ่านแล้วการที่ใครจะสามารถหยุดเจ้าหมีเมฆาแล้งบรรพกาลได้ด้วยแค่คำพูด คนผู้นั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องเป็นถึงระดับผู้ดูแล
ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยอันดุร้ายของเจ้าสัตว์อสูร มีหรือที่มันจะยอมฟังใครง่ายๆ?
หมีเฒ่าตัวนั้นพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ “ไอ้เด็กคนนี้ กว่าเจ้าจะออกมาจากการเก็บตัวได้!”
ในป่าทึบนั้นพวกเขาได้เห็นเงาร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา มันจะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเย่หยวน?
เมื่อกลุ่มศิษย์เห็นเย่หยวนดวงตาของพวกเขาก็เบิกโพลงจนแทบถลนออกจากเบ้า
พวกเขาคิดไปเสียแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสยอดฝีมือมาจากที่ไหน นั่งคิดกันอยู่นานแต่สุดท้ายเขาเองกลับกลายเป็นแค่ศิษย์อาณาจักรราชันพระเจ้าอีกคนหนึ่งเหมือนๆ กับพวกเขาทั้งหลาย!
เว้นเสียแต่ว่าทำไมเจ้าสัตว์อสูรถึงได้ฟังคำสั่งจากเขา?
เย่หยวนมองดูที่เจ้าหมีเมฆาแล้งบรรพกาลด้วยรอยยิ้ม “หมีเฒ่า เจ้าไม่ต้องออกมาทำหน้าตาเหมือนไปโกรธไปแค้นใครมาจากชาติปางก่อนเช่นนั้นก็ได้ เวลาสองร้อยปีมานี้เจ้าเองก็พัฒนาตัวเองขึ้นไปมาก เรื่องทั้งหลายนั้นมิใช่เพราะข้าหรอกหรือ?”
เย่หยวนนั้นเข้าเก็บตัวนานถึงสองร้อยปี
ตาล่มวิญญาณบ่มเพาะปิดกั้นนั้นมันช่วยเสริมพลังวิญญาณให้เย่หยวนและทำให้เขาบรรลุดาวขึ้นมาติดๆ กันหลายดาว ในช่วงเวลาสองร้อยปีมานี้ในที่สุดเย่หยวนก็บรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรวายุพระเจ้าเก้าดาว
สัตว์อสูรทั้งสามเองก็ได้พัฒนาพลังฝีมือของพวกมันไปอย่างมหาศาลด้วยคลื่นพลังวิญญาณที่บ้าคลั่งนี้
ตอนนี้พลังของพวกมันแต่ละตัวนั้นเทียบเคียงได้กับมนุษย์นภาสวรรค์สองดาว
เมื่อเย่หยวนพูดเช่นนั้นขึ้นมา ทางเจ้าหมีเองก็ได้แต่ยิ้มๆ ตอบกลับไป “หึๆ เรื่องทั้งหลายก็เพราะเจ้าไง”
เย่หยวนตอบกลับไป “เข้าใจก็ดี!”
เมื่อเหล่าศิษย์ทั้งหลายได้ยินคำพูดของเย่หยวนและหมีเมฆาแล้งบรรพกาล พวกเขาทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ออกมา
ทำไมมนุษย์ถึงอยู่กับสัตว์อสูรได้อย่างสงบสุขขนาดนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...