ตอนนี้สายตาของผู้อาวุโสทั้งเก้าต่างมองดูเย่หยวนราวกับเขาเป็นแค่คนโง่
ไอ้หมอนี่มันดื้อด้านเสียจริงๆ!
“เย่หยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่มันยิ่งใหญ่แค่ไหน? ทั้งนิกายตั้งแต่หัวจรดหางไม่ว่าจะเป็นวรยุทธบ่มเพาะ วรยุทธต่อสู้หรือโอสถใดที่เจ้าต้องการ ต่อให้เจ้าจะอยากขอให้ข้าผู้นี้ช่วยลงมือออกหน้าเองข้าก็ไม่คิดจะขัด ตราบเท่าที่มันเป็นเรื่องราวที่นิกายทำให้ได้ เจ้านิกายคนนี้ย่อมจะไม่ปฏิเสธแน่นอน!”
เจ้านิกายคิดว่าเย่หยวนไม่ได้รู้ความสำคัญของการตีกลองเจ็ดดาวหมีใหญ่เขาจึงบอกเล่ากล่าวออกมาว่ามันยิ่งใหญ่เพียงใด
เก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดเองก็หันไปมองดูเย่หยวนและคิดว่าท่านเจ้านิกายคงอธิบายได้อย่างชัดแจ้งแล้ว
พวกเขาคิดในใจว่าเย่หยวนคงไม่คิดใช้คุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้กับเรื่องโง่เง่า
แต่ว่าเย่หยวนกลับตอบ “ขอบคุณท่านเจ้านิกายที่เตือนบอก แต่เย่หยวนผู้นี้มีคำขอแค่อย่างเดียวคือการสังหารเอาชีวิตเชียนเย่!”
นั่นทำให้เจ้านิกายขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปหาเจียงหง
เจียงหงเข้าใจท่าทางนั้นได้ทันทีและเริ่มเล่าเรื่องราวระหว่างเชียนเย่และเย่หยวนออกมาด้วยท่าทางลำบากใจ
หลังจากเจ้านิกายฟังไปแล้วเขานิ่งเงียบไปนาน
เย่หยวนนั้นไม่ได้รีบอะไรเขาจึงยืนรอคำตอบของเจ้านิกายไป
ไม่นานจากนั้นเจ้านิกายก็เปิดปากพูดขึ้น “เย่หยวนทำไมเจ้า… ไม่ลองคิดดูอีกทีล่ะ นี่คือโอกาสหนึ่งเดียวในชีวิตของเจ้าเลยนะ แค่ขยะข้างทางอย่างเชียนเย่นั้นไม่อาจขวางทางสู่การเป็นใหญ่ของเจ้าได้ การใช้เรื่องนี้เพื่อแลกกับการสังหารมันจะไม่คุ้มค่าเอานะ”
พูดจบเจ้านิกายก็หันไปมองดูเย่หยวนด้วยสายตากดดัน เขารู้ว่าเย่หยวนไม่ใช่คนโง่ เขาต้องรู้ตัวดีว่าควรตัดสินใจอย่างไรแทน
แต่ว่าเย่หยวนกลับทำให้เขาผิดหวัง
เพราะเย่หยวนนั้นยิ้มออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ท่านเจ้านิกาย อย่ามาใช้คำพูดจาสวยหรูหลบเลี่ยงมันเลย ให้พูดตรงๆ ก็คือท่านไม่อาจตัดใจทำลายศิษย์อัจฉริยะเชียนเย่คนนี้ทิ้งไปได้แค่นั้น ท่านเจ้านิกาย ท่านไม่มีทาง… จะเหยียบเรือสองแคมได้”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวเหล่าเก้ายอดผู้อาวุโสถ่ายทอดต่างหน้าถอดสีทันที
เจียงหงรีบพูดขึ้นทันที “โอหัง! เด็กน้อยเจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
เย่หยวนตอบ “ข้าแค่พูดความจริง!”
ตอนนี้เจ้านิกายนั้นมีใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ แม้ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะมากพรสวรรค์แต่มันก็ช่างอวดดี
เขาได้แต่ต้องยอมรับว่าเย่หยวนคนนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆ
อย่างที่เย่หยวนว่ามา เขานั้นไม่อาจตัดใจสังหารเชียนเย่ลงได้
เพราะในสายตาของเขานั้น ยิ่งมีอัจฉริยะมากมันยิ่งเป็นประโยชน์ต่อนิกาย
แม้เย่หยวนยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏตัวออกมาก่อนจะมีประโยชน์และคุณค่าต่อนิกายอย่างมาก เชียนเย่เองก็เป็นยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับยาก
ทุกๆ อัจฉริยะล้วนแล้วแต่เป็นอนาคตของนิกาย เขาจึงอยากให้ทั้งสองอยู่ในนิกายต่อไป
เพียงแค่ว่าเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะจัดการหว่านล้อมได้ยากกว่าที่เขาคาดมาก แค่พูดคำเดียวก็มองเจตนาของเขาออกได้
เวลาตอนนี้มันจึงมีแต่ความอึดอัด
เจ้านิกายบอกมาด้วยใบหน้าไม่พอใจ “แล้วหากข้าบอกว่าไม่?”
ราวกับว่าเย่หยวนคาดคิดถึงคำตอบนี้มาก่อนแล้วจึงยักไหล่ออกมา “เช่นนั้นนิกายนี้คงพูดอะไรเหมือนการผายลม นิกายเช่นนี้มันย่อมไม่มีประโยชน์ใดต่อข้าอีก”
เจ้านิกายปล่อยคลื่นพลังออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมถาม “หมายความว่าหากข้าปฏิเสธ เจ้าจะคิดทรยศนิกาย?”
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถสังหารเชียนเย่ แต่คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้เขาเสียหน้าไม่น้อย
ในนิกายเงาจันทร์นี้เขาควบคุมได้ทุกสิ่งอย่าง แต่การปรากฏตัวของเย่หยวนในครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองไม่อาจควบคุมอะไรได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...