จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1820

สรุปบท ตอนที่ 1820 จี้ใจดำ: จอมเทพโอสถ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1820 จี้ใจดำ – จอมเทพโอสถ โดย Internet

บท ตอนที่ 1820 จี้ใจดำ ของ จอมเทพโอสถ ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 1820 จี้ใจดำ
เมื่อเห็นใบหน้าสุดแตกตื่นนั้นของชูเวิน เย่หยวนก็พูดบอกขึ้น “ดูท่าเจ้าจะผิดหวังมากนะ”

คำพูดนั้นทำให้มุมปากของชูเวินกระตุกขึ้นทันที ตอนนี้เขาได้สติกลับมาแล้วและดูท่าจะอึดอัดมากจนได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมา “ข้าก็บอกแล้วมัน… มันแค่อุบัติเหตุ”

เย่หยวนมองดูใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้านั้นช่างอ่อนแอ จงใจแล้วมันจะทำไม? ตอนนี้ตาเจ้ามองเลิกลั่กไปทั่วไม่กล้าแม้แต่จะสบตาข้า คนอย่างเจ้ามันไม่มีปัญญาพอจะเป็นตัวร้ายเสียด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงได้เจ็บอกเจ็บใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวิหารนัก”

เย่หยวนนั้นพูดออกมาพร้อมไอเย็นที่บาดขั้วหัวใจ

ชูเวินได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างโกรธแค้น พยายามเปลี่ยนความอับอายอึดอัดให้กลายเป็นความโกรธแทน

ชูเวินได้แต่กัดฟันตอบมาด้วยความไม่พอใจ “ไอ้เด็กนรก เจ้ากำลังท้าทายความอดทนของข้า!”

เย่หยวนตอบ “ท้าทายความอดทนเจ้า? เช่นนั้นก็เข้ามาสังหารข้าสิ! อยากฆ่ากันก็เดินเข้ามาท้ากันตรงๆ ด้วยพลังฝีมือของเจ้าข้าย่อมไม่มีทางเทียบเคียง เห็นไหม สุดท้ายก็ไม่กล้าอีกแล้ว เจ้ามันคนไร้ตัวตนในวิหารหากเข้ามาฆ่าสังหารศิษย์นิกายนอกที่เดินทางมาเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ทางวิหารคงลงโทษเจ้าไปตามสมควรอย่างไม่มีใครคิดช่วย สุดท้ายมันก็เพราะว่าเจ้านั้นอ่อนแอจนเกินไป!”

“พอแล้ว! หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” ชูเวินตะโกนร้อง

เย่หยวนนั้นพูดจี้ใจดำของเขาอย่างไม่มีหยุดยั้งทำให้ตอนนี้เขาแทบเสียสติ

ซู่เหยียนมองดูสภาพบ้าคลั่งของชูเวินนั้นด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย

เย่หยวนทำให้จิตใจของนภาสวรรค์สี่ดาวแทบพังทลายลงด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ

นี่มันการสังหารอย่างไม่ต้องเสียเลือดโดยแท้!

ด้วยสายตาของซู่เหยียนเขาย่อมมองออกว่าตอนนี้จิตใจของชูเวินกำลังเข้าสู่สภาวะแตกสลาย เรื่องนี้มันอาจจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อความเร็วในการบ่มเพาะของเขาในอนาคต

ชูเวินนั้นเดิมทีก็เป็นคนที่อยู่ในวิหารอย่างยากลำบาก หากหลังจากนี้เขายังพัฒนาตัวเองได้ช้าลงอีกชีวิตของเขาคงมีแต่ความมืดมนแล้ว

เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “การเจ้าวิหารนั้นไม่ได้หมายความว่าคนเราจะกลายเป็นเทพสวรรค์ได้ทันที มันเพียงแต่เป็นการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายกว่าเดิมก็เท่านั้น ต่อให้ข้าไม่พูด เรื่องจุดอ่อนของเจ้ามันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง คนเช่นเจ้ามันไม่มีค่าพอมาเป็นศัตรูของข้าหรอก ผู้อาวุโสซู่ เราไปกันเถอะ”

พูดจบเย่หยวนก็เดินไปยังตึกหลังแรกที่เห็นบนเกาะทันที

สถานที่แห่งนี้มันมีแรงปิดกั้นอยู่ในทุกอณูอากาศ ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ก็ไม่อาจจะบินเหินได้ในสภาพเช่นนี้

การที่เย่หยวนสามารถขี่ยอดคลื่นมาบนทะเลสงบวิญญาณได้มันย่อมมิใช่เพราะเย่หยวนสามารถหลุดรอดจากพลังปิดกั้นนี้ไปได้ เพียงแค่ว่าสถานที่ที่ชูเวินดีดเขาลงนั้นมันมีพลังปิดกั้นที่แสนอ่อนแอ

ในสถานที่ที่มีพลังปิดกั้นรุนแรง ชูเวินย่อมไม่กล้าทำอะไรเสี่ยง

ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ใช่การกลบฝังเย่หยวน แต่ตัวเขาเองก็จะจมร่วงลงได้พร้อมๆ เย่หยวนด้วย

ระหว่างทางที่นั่งเรือมาเย่หยวนย่อมพอเข้าใจพลังปิดกั้นในทะเลสงบวิญญาณไปแล้ว

บวกกับการมีชูเวินนำทางมาให้ มันไม่แปลกมากนักหรอกที่เย่หยวนจะสามารถเดินทางถึงตัวเกาะได้

กลุ่มคนค่อยๆ เดินเข้ามาในเกาะจนเริ่มเห็นหมู่ตึกปลูกไว้อย่างสวยงามหลายหลัง

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่!”

ตอนนี้ที่ด้านหน้าของพวกเขามีตัวอักษรเขียนไว้อยู่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่

“ว่ากันว่าที่แห่งนี้คือแค่ส่วนเล็กๆ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่ เป็นจุดเดียวที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่เปิดต่อสายตาผู้คนและยังเป็นสถานที่จัดชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่อีกด้วย” ซู่เหยียนบอก

เย่หยวนพยักหน้ารับและกำลังคิดเดินเข้าไปด้านในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ก่อนจะได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากด้านในเกาะ

ปัง!

ด้านหลังเขามีตึกหลังหนึ่งถูกระเบิดจนลอยปลิวหลังคาหายไปจนสิ้น เป็นภาพที่สุดล้ำจินตนาการ

เรื่องนี้ทำให้ซู่เหยียนหน้าถอดสี “เกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามีใครคิดเข้ามาก่อเรื่องในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่หรอก นั่นมันน่าจะเป็นเตาหลอมระเบิด แต่การที่ทำให้เกิดแรงระเบิดขนาดนี้ได้ความสามารถของนักหลอมคนนั้นคงไม่ธรรมดา”

เจียงเชอเหยียนเองก็สงสัยในใจอย่างมากจนอดถามขึ้นมาไม่ได้ “แล้วหากเทียบกับเจ้าล่ะ?”

แต่ตั้งที่เย่หยวนเดินก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ เจียงเชอเหยียนนั้นก็หยุดคิดที่จะสร้างความลำบากใดๆ ให้แก่เขาอีกต่อไป

นางรู้ว่าการเป็นใหญ่ของเย่หยวนนั้นไร้ซึ่งทางหยุดแล้ว

ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ในครั้งนี้เย่หยวนเองก็เป็นความหวังที่มากกว่าไป่หลี่ชิงหยานเสียอีก

ส่วนจะเป็นความหวังได้มากแค่ไหน ตอนนี้ไม่มีใครทราบได้

สุดท้ายด้วยการนำทางของชูเวิน ในที่สุดกลุ่มนิกายเงาจันทร์ก็มาถึงยังบ้านที่ตั้งอยู่ริมสุดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่

“นี่คือที่อยู่ของพวกเจ้า!” ชูเวินบอก

ซู่เหยียนทำหน้าไม่พอใจออกมาทันที “ชูเวิน เจ้าจะเกินไปแล้วนะ! หากข้าจำไม่ผิดที่แห่งนี้คือโรงฟืนใช่ไหม?”

ชูเวินยิ้มออกมา “นิกายตัวประกอบอย่างพวกเจ้านั้นยังจะอยากได้การดูแลดีๆ อีก? ข้าว่าพวกเจ้าคงไม่ได้อยู่นานนักหรอก เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านกันหมดแล้ว”

ฝั่งนิกายเงาจันทร์ทุกคนนั้นขุ่นเคืองอยู่เต็มอก เจ้าหมอนี่มันใช้หน้าที่ของตัวเพื่อล้างแค้นส่วนตน

แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจ “โรงฟืนสินะ นักยุทธมีโลกเป็นบ้านพัก เราจะมาสนใจเรื่องที่สถานที่ทำไม?”

ซู่เหยียนหรี่ตาลงทันทีด้วยความตื่นตกใจในคำพูดของเย่หยวน

เด็กคนนี้ช่างมากพรสวรรค์แต่กลับไม่คิดสนใจเวลามีใครชื่นชมหรือเย้ยหยัน

การที่สามารถพูดคำเหล่านี้ออกมาได้มันย่อมหมายความว่าเขามองโลกเห็นในมุมกว้าง จิตใจของเขานั้นหนักแน่นและสูงส่งอย่างที่ไม่มีใครจินตนาการได้

แม้แต่ตัวซู่เหยียนยังยอมรับว่าใจตัวเองไม่กว้างขนาดนี้

คำพูดของเย่หยวนมันทำให้ชูเวินหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาอีก

เพราะเดิมทีเขาคิดจะใช้โอกาสนี้ระบายความอัดอั้นที่มี ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนกลับรับมันไปด้วยหน้าระรื่น

ฟุบ!

จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างสีชมพูอ่อนพุ่งเป็นลำแสงเข้ามายังอ้อมอกของเย่หยวน

แม้แต่ตัวเย่หยวนก็ยังมึนงงว่ามันคืออะไรกันแน่

“หมูสมบัติ เจ้าไปไหนแล้ว หมูสมบัติ?” ไม่นานก็มีเสียงใสๆ ลอยตามมา

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ