แต่เรื่องนี้มันทำให้ตงน้อยต้องหันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เจ้า… ที่เจ้าป้อนหมูสมบัตินั้นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ?”
เย่หยวนยกคิ้วขึ้นสูงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “เอ๋? เจ้าเด็กคนนี้พอจะมีความรู้อยู่บ้างหรอกหรือนี่ ถึงกับแค่มองปราดเดียวก็แยกออกว่ามันคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ”
เมื่อสักครู่นี้หมูสมบัติมันกินโอสถไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเสี้ยวพริบตานั้นตงน้อยกลับแยกแยะออกได้ว่ามันคือโอสถขั้นใด
ตงน้อยแสดงสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและถามออกมา “โอสถเหล่านี้เจ้าเป็นคนหลอม?”
เย่หยวนเองก็ไม่รู้จะต้องตอบเช่นไร “หากข้าไม่หลอม เจ้าจะเป็นคนหลอมมันหรืออย่างไรล่ะ?”
ตอนนี้ตงน้อยนั้นมีใบหน้าที่ดูแปลกประหลาดไม่สมวัยตัวเองเลยสักนิด
ดูท่าเขาคงตื่นตกใจมาก
“บ้าน่า! เจ้าเพิ่งบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ไม่น่าเกินปี เวลาแค่นั้นมีหรือที่เจ้าจะหลอมโอสถให้ได้ถึงขั้นเทวะโมฆะ?” ตงน้อยบอกออกมาด้วยความไม่เชื่อ
มันไม่ใช่เพราะว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นไม่มีทางหล่อหลอมขึ้นมาได้ แต่หากอยากหลอมโอสถขั้นนั้นให้ได้จริงๆ ผู้หลอมต้องใช้เวลาเรียนรู้ทำความเข้าใจสมุนไพรระดับห้าและฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นยอดอัจฉริยะด้านโอสถมากแค่ไหน มันก็ย่อมไม่มีทางจะเรียนรู้และเข้าใจศาสตร์แห่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
เย่หยวนได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องทำไม่ได้ด้วย”
ตงน้อยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน “ไม่มีทาง ข้าไม่เชื่อ!”
เย่หยวนเดินเข้าไปหยิกหูของตงน้อยและลากเขาออกมาด้านนอก
ตงน้อยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย ปล่อยข้า! เจ้าเด็กคนนี้ไปกินใจหมีดีเสือจากไหนมากัน? ถึงกล้ามาหยิกหูข้าเช่นนี้!”
เย่หยวนหันมามอง “เจ้าบุกเข้าที่พักข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องราวเหล่านั้นยังไม่ได้จัดการกัน แค่หยิกหูนิดหน่อยจะไม่ได้เลยหรือ?”
ตงน้อยนั้นโกรธเคืองมาก แต่เย่หยวนก็มั่นใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของตนจนเขาไม่อาจต่อสู้ขัดขืนได้เลย
ตอนนี้เจ้าหมูสมบัติรีบวิ่งออกมาวนรอบตัวเย่หยวนไว้ด้วยท่าทางอ้อนวอน
เย่หยวนนั้นผงะไปไม่น้อย จากนั้นจึงค่อยปล่อยมือ
ตงน้อยหันมามองเจ้าหมูสมบัติด้วยดวงตาโกรธแค้น “หึ! ดูท่าเจ้าจะยังรู้จักสำนึกอยู่บ้าง!”
หมูสมบัตินั้นเหมือนกำลังคิดขอโทษจึงเข้าไปคลอเคลียที่ขาของตงน้อย
แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นย่อมทำให้ตงน้อยมีสีหน้าดีขึ้นมาก แต่เขาก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าหมูสมบัติ เจ้าเลือกมา เลือกข้าหรือเขา?”
เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้นมันก็หันมองที่ตงน้อยที ที่เย่หยวนทีด้วยสีหน้าสุดยากที่จะตัดสินใจ
ดูท่าเจ้าหมูสมบัติคงไม่อาจทำใจจากใครคนใดคนหนึ่งไปได้
เย่หยวนพูดขึ้น “เจ้าทำแบบนี้หมูสมบัติมันจะไม่ลำบากใจแย่หรือ?”
ตงน้อยตอบกลับมาด้วยเสียงใสๆ “หมูสมบัติเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เรื่องใดที่ข้าทำมันเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย?”
นั่นทำให้เย่หยวนหรี่ตาลงทันที สายตาที่เขาจ้องมองดูตงน้อยนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าบอกว่า… หมูสมบัติคือสัตว์เลี้ยงของเจ้า?”
ตงน้อยรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยวนที่มองมาจนขนลุกไปทั้งร่าง ก่อนที่จะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวและตอบแก้ตัวไป “ข้าหมายถึงมันคือสัตว์เลี้ยงของปู่ข้า! มันจะไม่นับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าด้วยหรือ?”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ปู่เจ้าคือใคร?”
ตงน้อยเม้มปากตอบ “บอกไปเดี๋ยวเจ้าก็กลัวตายกันพอดี! ข้าไม่บอกหรอก!”
เย่หยวนไม่คิดพูดถามอะไรอีก แต่จากที่เขาเดาดูปู่ของตงน้อยคนนี้น่าจะเป็นเทพสวรรค์ไม่ผิดแน่
เมื่อตงน้อยไม่คิดบอกเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดบังคับถาม เพราะอย่างไรเสียยอดฝีมือระดับนั้นมันก็มิใช่ตัวตนที่เขาในตอนนี้จะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้
เย่หยวนแค่ยกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้ากลับไปเถอะ หากหมูสมบัติมันอยากกลับไปข้าก็ไม่คิดจะห้ามมันหรอก แต่หากข้าจับได้ว่าเจ้าแอบเข้ามาในที่พักของข้าอีก ครั้งหน้ามันไม่จบแค่การหยิกหูแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...