แต่ตอนนี้เองที่หลี่อี้ผิงที่ยืนอยู่ข้างเบียนซือเชียวกลับเดินออกมาหาเย่หยวนแทน
“ข้าได้ยินอี้ชิงเซียงบอกว่าเจ้าโกรธเรอะ?” หลี่อี้ผิงบอกด้วยท่าทางกลั้นหัวเราะ
แต่เย่หยวนกลับไม่สนใจและหันไปบอกอี้ชิงเซียง “ศิษย์พี่อี้ ไปเถอะ”
เมื่อหลี่อี้ผิงเห็นท่าทางของเย่หยวนที่ทำราวกับเขาเป็นแค่อากาศธาตุเขาก็ร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง “เย่หยวน เจ้าคิดว่าแค่ชนะเหอหยวนได้แล้วตัวเองเก่งกาจมากหรือ? มันเป็นหนึ่งในศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของนิกายสว่างชัดทั้งแปดเรา! วันพรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้เจ้ามีสภาพไม่ต่างจากอี้ชิงเซียงเลย!”
เย่หยวนนั้นกำลังจะเดินหันหน้ากลับไปแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับมาตอบ “เหอหยวนต่างหากที่ต้องดีใจที่มันเป็นคนแรกที่มาพบเจอข้า”
หลี่อี้ผิงตอบสวนกลับมาพร้อมขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนตอบ “เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้”
พูดจบทางนิกายเงาจันทร์ก็เดินจากไป
เบียนซือเชียวมองดูแผ่นหลังของเย่หยวนด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ไอ้หมอนี่มันช่างอวดดีเก่งจริงๆ! มันได้เวลาแล้วที่ต้องสั่งสอนให้มันรู้ถึงพลังของนิกายสว่างชัดเรา”
หลี่อี้ผิงกล่าว “ไอ้โง่! ข้าจะให้มันได้รู้ว่าตัวเองทำตัวโง่งมแค่ไหน!”
สามวันต่อมาก็ถึงเวลาของศึกระหว่างเย่หยวนและหลี่อี้ผิง
ศึกนี้มันดึงดูดผู้คนมากมายให้หันมาสนใจ
เย่หยวนนั้นตบหน้าของนิกายสว่างชัดเข้าอย่างแรงในรอบแรก พวกเขารู้สึกได้เลยว่าวันนี้นิกายสว่างชัดคงไม่มีทางปล่อยเรื่องผ่านไปง่ายๆ แน่
หลี่อี้ผิงนั้นแข็งแกร่ง เย่หยวนต้องฉิบหายแน่นอน
“หึ ไอ้เด็กคนนี้มันช่างโอหัง! หลังจากวันนี้ไปเจ้าจะไม่มีทางทำตัวโอหังเช่นนั้นได้อีกแล้ว! ชะตาของเจ้ามันจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าที่อี้ชิงเซียงได้เจอ!” หลี่อี้ผิงตะโกนร้อง
ท่าทางแสนโอหังของเย่หยวนในวันก่อนนี้ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา
หลี่อี้ผิงนั้นโกรธเคืองอย่างมาก
เย่หยวนหรี่ตาลง “ไอ้พวกคนโง่หลงตัวเอง! แค่เพราะวิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงหน้าตากลับลอบมืออย่างสาหัส จากวันนี้ไปพวกเจ้าจะได้ลิ้มรสความหวาดกลัว แต่แน่นอนว่าเจ้าคงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกถึงมัน”
หลี่อี้ผิงหัวเราะลั่นออกมา “กลัว? ฮ่าๆ ไอ้ของแบบนั้นมันเป็นนิกายสว่างชัดเราที่มอบให้คนอื่น! แค่พลังฝีมืออย่างเจ้าคิดว่าตัวเองจะเหนือล้ำไร้เทียมทานใต้ฟ้าดินหรือ?”
เย่หยวนหัวเราะ “ไม่ถึงขั้นไร้เทียมทานใต้ฟ้าดิน แต่แค่จัดการพวกเจ้าทั้งหลายมันมิใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย!”
ที่ด้านล่างสังเวียนเหล่าผู้คนทั้งหลายที่ได้ยินคำของเย่หยวนก็ต่างทำสีหน้าเหยียดหยามออกมา
นิกายสว่างชัดนั้นมีพลังที่เหนือล้ำแค่ไหน มันมากมายจนทำให้ผู้คนผวา
ด้วยแค่กำลังของเย่หยวนคนเดียวมันย่อมไม่มีทางจัดการกลุ่มคนเช่นนั้นลงได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียหยางเชินก็มีพลังที่เหนือล้ำกว่าทุกผู้คน
ในรอบที่ผ่านมาหยางเชินเองก็ใช้แค่กระบวนท่าเดียวจัดการนภาสวรรค์สองดาวคนหนึ่งลงได้ทันที
เทียบกันแล้วเย่หยวนที่ชนะเหอหยวนนั้นเป็นได้แค่เรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“ถึงเวลาแล้ว เริ่มได้!” ตู้หรูเฟิงประกาศ
เขามองดูเย่หยวนอย่างสงสัย แค่อยากจะรู้ว่าเย่หยวนจะทำให้เกิดเรื่องแปลกใจเขาได้อีกมากเพียงใด
บาดแผลของอี้ชิงเซียงนั้นย่อมถูกเย่หยวนรักษาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อเห็นสภาพการกลับมาของอี้ชิงเซียงในวันนี้ เขากลับมาพร้อมพลังบ่มเพาะที่มากกว่าเดิมมันทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
เขายกมือขึ้นมาทาบอกและถามตัวเอง ต่อให้ตอนนั้นเป็นเขาที่ลงไปรักษามันก็ไม่อาจจะทำได้ถึงขั้นนั้นแน่
เด็กคนนี้มีฝีมือด้านโอสถที่เหนือล้ำมาก!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมูสมบัติถึงเลือกตามติดเย่หยวนคนนี้มากกว่าท่านตงน้อย
จะว่าไปนายท่านเองก็น่าจะได้รู้ถึงความเก่งกาจของเย่หยวนไปแล้ว ท่านจึงได้คิดตามดูเย่หยวนอยู่ตลอดอย่างนั้น
จู่ๆ ตู้หรูเฟิงก็ต้องหรี่ตาเล็ก มองดูภาพบนสังเวียนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หลี่อี้ผิงตายแล้ว!
“แค่พริบตาเดียวก็ตายแล้ว?”
“หลี่อี้ผิงไม่ทันทำอะไรแต่กลับร่วงลงไปตายเช่นนั้นเลย?”
“แข็งแกร่ง! หมายเลขหกสิบสี่บ้าบออะไรกัน จารึกอาณาจักรล้ำมันใช้กับหมอนี่ไม่ได้ผลแน่ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...