จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1829

ตอนที่ 1829 มีคนกำลังโกรธ!
“เบียนซือเชียว เจ้าแย่งความสนใจไปไว้คนเดียวเลยนะ เจ้าทำให้อี้ชิงเซียงมันมีสภาพเป็นเช่นนั้นรอบนี้ข้าก็ไม่มีใครให้กระทืบน่ะสิ”

“หึ ไอ้เจ้าเด็กที่ชื่ออี้ชิงเซียงมันอ่อนแอเกินไป ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรมันก็แพ้พ่ายข้าเสียแล้ว”

“ก็จริง หากเป็นข้า ข้าก็ย่อมจะเล่นงานมันจนต้องวิ่งหาฟันที่หลุดร่วงตามพื้น! อยากโทษใครก็ไปโทษเจ้าเด็กเย่หยวนนั่นเถอะ!”

“ศิษย์พี่หยางกล่าวว่าเมื่อเขาได้เจอเจ้าเด็กคนนั้น เขาจะทำให้มันมีสภาพน่าสมเพชเสียยิ่งกว่าอี้ชิงเซียง”

การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่มเหล่าชายหนุ่มด้านล่างสังเวียนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

แน่นอนว่าเรื่องที่พวกเขาหยิบยกมาพูดคุยนั้นคือการต่อสู้ระหว่างเบียนซือเชียวและอี้ชิงเซียงในวันนั้น

หนึ่งในคนที่พูดคุยอยู่คือเจ้าตัวต้นเรื่อง คู่ต่อสู้ของอี้ชิงเซียงเมื่อรอบก่อนเบียนซือเชียว

ส่วนอีกคนนั้นคือคู่ต่อสู้ของเขาในรอบนี้เว่ยหยุนฮุยจากนิกายปรารถนา!

เว่ยหยุนฮุยคนนี้เองก็มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นสุดเช่นกัน เทียบได้กับอี้ชิงเซียง

แต่ในสายตาของศิษย์ยอดนิกายอย่างนิกายปรารถนาแล้ว ศิษย์นิกายเงาจันทร์นั้นมันเป็นได้เพียงตัวประกอบแสนอ่อนแอเท่านั้น

แน่นอนว่าอี้ชิงเซียงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสไปแล้วและคงไม่มีทางมาเข้าร่วมศึกรอบนี้ได้แน่ ทำให้เว่ยหยุนฮุยรู้สึกเบื่อไม่น้อย

“เว่ยหยุนฮุย การต่อสู้จบแล้ว ถึงตาเจ้าขึ้นสังเวียนแล้ว” เบียนซือเชียวบอก

เว่ยหยุนฮุยได้แต่ยักไหล่ด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หมอนี่ เจ้าแท้ๆ ที่เป็นคนลงมือจัดการมันจนบางตายยังจะมาบอกให้ข้าขึ้นสังเวียนอีก? วันนี้มันก็แค่ขึ้นไปตามพิธี! จะว่าไปมันก็แปลก ไอ้เด็กคนนั้นบาดเจ็บหนักถึงขนาดนั้นทำไมทางนิกายเงาจันทร์ถึงยังไม่ประกาศถอนตัวมันออกจากชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่อีก”

เบียนซือเชียวยิ้มตอบ “นิกายเงาจันทร์นั้นมีฝีมืออยู่แค่นั้น พวกมันคงคิดใช้เรื่องนี้เอาคืนเราบ้าง”

เมื่อขึ้นไปถึงสังเวียนเว่ยหยุนฮุยก็ไม่พบเจอใครและได้แต่ยืนรอให้กรรมการประกาศตัดสิทธิ์ตามคาด

ตามกฎของชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่แล้ว การมาสายหนึ่งชั่วโมงจะนับว่าไม่คิดต่อสู้และถูกปรับแพ้ไป

แม้ว่าทุกผู้คนจะรู้ดีว่าอี้ชิงเซียงจะบาดเจ็บหนักจนเจียนตายแต่ทางนิกายเงาจันทร์กลับไม่คิดประกาศถอนตัวเขาออกจากงานชุมนุม

มันหมายความว่าอีกฝ่ายต้องการให้เว่ยหยุนฮุยมาเสียเวลารอบนสังเวียนหนึ่งชั่วโมง

เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปจนทำให้เว่ยหยุนฮุยเริ่มรำคาญใจ “ไอ้พวกเวร สภาพมันก็เป็นถึงขั้นนั้นแล้วแท้ๆ กลับยังคิดเอาคืนผู้คน! น่าเสียดายจริงๆ ที่มันไม่ได้มาเจอข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะกระทืบมันให้แหลกคาเท้าเลย!”

ผู้อาวุโสของทางนิกายสว่างชัดเองก็เริ่มรำคาญใจขึ้นมาไม่แพ้กัน เขาจึงหันไปบอกตู้หรูเฟิง “ผู้อาวุโสตู้ ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ย่อมไม่มีทางมาร่วมงานได้แล้ว ไม่ประกาศผลให้มันจบๆ ไปเลยล่ะ”

ตู้หรูเฟิงหันมาสวนกลับ “กฎคือกฎ เวลายังไม่หมด ข้าจะไปประกาศผลใดๆ ได้?”

ในเวลานี้เองก็เกิดปรากฏเงาร่างหลายคนเดินเข้ามาดึงดูดสายตาของผู้คนไปจนสิ้น

คนที่เดินนำมานั้นย่อมเป็นผู้อาวุโสของนิกายเงาจันทร์ ซู่เหยียน

วันนี้นิกายเงาจันทร์นั้นมีแค่คู่ของอี้ชิงเซียง แค่คู่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นการที่ไม่มีใครจากนิกายเงาจันทร์มายังสนามก่อนหน้านี้เลยมันจึงไม่ทำให้ผู้คนแปลกใจนัก

แต่เมื่อทุกคนกวาดสายตามองไปด้านหลังซู่เหยียน พวกเขาก็ต้องแตกตื่นกันทันที

“นั่นมันอี้ชิงเซียงนี่? เขากลับมาลุกได้แล้ว!”

“บ้าน่า! แผลของเขาในวันนั้นมันหนักหนาแค่ไหนทุกคนย่อมเห็น เขานั้นตายไปแน่แล้ว มีหรือที่จะยังมีหวังรักษาตัวกลับมาได้?”

“เดี๋ยวนะ คลื่นพลังของมันรุนแรงขึ้นด้วย มัน… มันบรรลุแล้ว!”

บนสังเวียนเป็นเว่ยหยุนฮุยที่ต้องเบิกตากว้าง

เพราะการปรากฏตัวนี้ของอี้ชิงเซียงนั้นมันทำให้เขาตื่นตกใจมาก

แน่นอนว่าเรื่องมันยังไม่ใช่แค่นั้น

สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตกใจมากที่สุดก็คืออี้ชิงเซียงกลับบรรลุได้!

เวลาแค่สิบวันที่ผ่านมานี้ มิใช่แค่อี้ชิงเซียงจะรักษาตัวจนหาย แต่พลังบ่มเพาะของเขายังเพิ่มพูนบรรลุขึ้นไปอีกระดับจนกลายมาเป็นนภาสวรรค์สองดาวแล้ว

มันเป็นไปได้อย่างไร?

ที่ด้านล่างเบียนซือเชียวเองก็มองมาด้วยสายตาสุดตะลึง

การโจมตีของตัวเขาเอง เขาย่อมรู้ว่ามันหนักหน่วงแค่ไหน

วันนั้นหากไม่ใช่เพราะอี้ชิงเซียงตั้งสติกลิ้งตัวลงสังเวียนไปได้ก่อนเขาคงต้องตายลงด้วยน้ำมือของเบียนซือเชียวไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ