เล้งห่าวที่กำลังทำการเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ถูกขัดขึ้นด้วยชายชุดดำที่จู่ๆ ก็พุ่งตัวเข้ามาด้านใน
การต่อสู้เพื่อตัดสินตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลมันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วทำให้ท่าทางและคำพูดในน้ำเสียงของชายชุดดำต่อเขาดีขึ้นอย่างมาก
แน่นอนว่าเมื่อเล้งห่าวได้ยินเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
“หืม? เรื่องใดเหรอ?”
ชายชุดดำบอก “ไม่กี่วันก่อนเล้งซู่ยังใช้ชีวิตอย่างเศร้าหมองดื่มสุราไปวันๆ แต่เมื่อวานนี้เขากลับเริ่มหยิบจับดาบขึ้นมาฝึกฝนอย่างหนักหน่วงและดูท่าจริงจังมากด้วย”
เมื่อเล้งห่าวได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่น “เวลาแค่สิบวันมันจะทำอะไรได้? ไม่ว่ามันจะฝึกฝนตัวไปมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางเป็นคู่มือข้าได้แน่! เจ้ามารบกวนการบ่มเพาะของข้าด้วยเรื่องแค่นี้อย่างนั้นหรือ?”
ชายชุดดำนั้นรีบพูดแก้ตัวขึ้นมาทันที “การฝึกฝนหลายปีของเขานั้นได้มาถึงจุดสำคัญแล้ว ท่านจงอย่าประมาทไป!”
เล้งห่าวขมวดคิ้วแน่น เขาหยุดคิดไปนิดหน่อยก่อนจะบอก “ช่างเถอะ ที่เจ้าว่ามามันก็ถูก นี่คือขวดผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนมาพอที่จะทำให้ปราณเทวะของผู้คนไม่อาจไหลถ่ายเทได้คล่อง เจ้าจงหาโอกาสใช้มันเพื่อวางยาน้องชายข้าเสีย ศึกนี้ ข้าจะจัดการเขาต่อหน้าผู้คนอย่างสง่าและผ่าเผย”
เมื่อพูดไปเล้งห่าวก็นำผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนออกมาหนึ่งขวดและมอบมันให้แก่ชายชุดดำ
ผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สีไร้กลิ่น ต่อให้ผู้คนดื่มกินมันเข้าไปก็ยากที่จะรู้ตัวได้
มีเพียงเวลาที่จะเริ่มทำการต่อสู้จริงๆ เท่านั้นที่ฤทธิ์ของมันจะแสดงออกมา
ชายชุดดำคนนั้นยิ้มขึ้นมาทันที “ในที่สุดความหวังหลายต่อหลายปีของท่านก็จะเป็นจริงแล้ว ข้าน้อยขอยินดีกับท่านด้วยจริงๆ!”
…
สิบวันผ่านไปในพริบตาจนถึงวันนี้ในที่สุดคนตระกูลเล้งก็ได้มารวมตัวกันที่ลานฝึก
ศิษย์ของตระกูลเล้ง ยามเฝ้าตระกูล รวมไปถึงคนใช้ต่างออกมาเพื่อดูศึกตัดสินความเป็นนายน้อยของตระกูล
“หึ สายสัมพันธ์มนุษย์ปลอมๆ ผู้นำตระกูลคนก่อนตายลงอย่างไม่คาดฝัน ตอนนี้เล้งซู่ก็ไม่อาจรักษาตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อีกต่อไปแล้ว”
“การต่อสู้นี้มันก็แค่พิธีเพื่อทำเรื่องราวให้เป็นทางการ พลังฝีมือของเล้งซู่ย่อมไม่มีทางเทียบเล้งห่าวได้แต่แรกแล้ว”
“หากเล้งซู่ยังพอมีปัญญาอยู่บ้างเขาคงต้องมาเพื่อยอมแพ้โดยตรงแน่”
…
นี่แหละคือมนุษย์
ผู้นำตระกูลคนก่อนตายไปนานหลายปีแล้ว ตอนนี้เล้งห่าวก็เป็นดั่งดวงตะวันที่ฉายแสงไปทั่ว ทุกคนต่างรับรู้ดีว่าสุดท้ายเขาคนนี้จะได้ขึ้นเป็นนายน้อยสืบทอดตระกูลแทน และมันย่อมทำให้ไม่มีใครคิดสนใจจะไปอยู่ข้างเล้งซู่
ในตระกูลใหญ่ๆ อย่างตระกูลเล้งนี้ สายสัมพันธ์ของผู้คนมันเย็นชาเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง
บางทีอาจจจะเป็นเพราะว่าเขาใกล้ได้เป็นนายน้อยของตระกูลแล้ว ทำให้เล้งห่าวดูท่าทางร่าเริงและมารออยู่บนสังเวียนตั้งแต่ไก่โห่
เรื่องราวที่แสนสำคัญเช่นนี้ เล้งหงซิ่วและเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลเล้งย่อมต้องออกมาดูชมมัน แต่พวกเขากลับพบว่ามีแค่เล้งซู่เท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง
เหล่าผู้เฒ่านั้นเริ่มพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “หึ! เล้งซู่นี้มันช่างไม่เชื่อฟังใคร ทำให้เราเหล่าคนเฒ่าคนแก่ต้องมารอมัน! คนอย่างมันนี้ไม่ต้องให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อนั่นแหละดีแล้ว”
“เล้งซู่มันไม่เชื่อฟังใครทำอะไรตามใจตน เดิมทีมันก็ไม่เคยคิดจะเห็นหัวผู้อาวุโสเราอยู่แล้ว จะว่าไปเด็กน้อยเล้งห่าวคนนี้ยังดีกว่าเยอะ”
เมื่อเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายเริ่มมาถึงพวกก็พูดเห็นด้วยไปตามๆ กัน
เมื่อเล้งห่าวได้ยินคำพูดของเหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมาก
เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายนี้ ปกติแล้วเขาย่อมเข้าหาอย่างอ่อนน้อม มีหรือที่มันจะเหมือนเล้งซู่ที่ไม่คิดสนใจผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูลเลย?
เพราะฉะนั้นตำแหน่งนายน้อยของเล้งซู่มันจึงมีแต่ความหายนะเท่านั้น
เล้งห่าวยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ น้องซู่คงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานกว่าปกติเป็นเรื่องธรรมดา หวังว่าเหล่าผู้อาวุโสจะรอเขาอีกสักนิด”
คำพูดของเล้งห่าวนั้นทำให้ผู้เฒ่าทั้งหลายเริ่มยอมอ่อนข้อลง
เพราะตอนนี้แม้แต่เล้งหงซิ่วก็ไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติใดๆ และแค่พยักหน้ารับไปเท่านั้น
เว้นเสียแต่ว่าจะมีนางสวรรค์คนหนึ่งที่นั่งข้างๆ เขานั้นขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางอึดอัด
จู่ๆ ก็เกิดเสียงขึ้นมาในฝูงชนก่อนจะแหวกกันไปเป็นทาง
ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเดินกระโดดออกมาจากเส้นทางนั้นขึ้นมายังสังเวียน
เขามองดูเล้งห่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ยังคงเป็นพี่ห่าวที่เข้าใจข้าเสมอ ศึกสำคัญเช่นนี้มีหรือที่ข้าจะไม่เตรียมตัวให้พร้อมได้?”
สภาพของเล้งซู่ในตอนนี้ดูคึกคักสดใสมาก ใบหน้าของเขาสว่างชัด สภาพจิตใจเบิกบานราวกับได้เกิดใหม่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...