ในวันนี้ ณ เทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ห่างจากทางเหนือของเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานไปนับหมื่นๆ กิโลเมตร จู่ๆ มันก็เกิดมีลำแสงส่องพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง
แสงนั้นส่องขึ้นมาเป็นเงาร่างสี่ร่างบนท้องฟ้าอย่างกระจ่างชัด มันเป็นภาพที่ชัดเจนแม้จะมองดูจากเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยาน
เมื่อมองดูดีๆ พวกเขาทั้งหลายจึงได้เห็นว่าเงาร่างทั้งสี่นั้นคือร่างของสี่สัตว์เทวะแห่งมหาพิภพถงเทียน
มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ!
พลังงานที่เหล่าเงาร่างสัตว์อสูรทั้งสี่ปล่อยมานั้นมันสุดแสนที่จะรุนแรงจนกระแทกมาได้ถึงยังเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยาน
แต่มันมิใช่เพียงแค่เมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยาน มันรวมไปถึงพื้นที่รอบๆ ที่มีดินแดนติดกับเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยาน รวมไปถึงเหล่าเมืองจักรพรรดิ เมืองหลวง หรือประเทศต่างๆ
มันเป็นพลังที่แค่เห็นก็รับรู้ได้ทันที
หลังจากนั้นเจ้าสัตว์เทวะทั้งสี่ก็เปิดปากพ่นลำแสงออกมาอีกครั้งจนปกคลุมทั่วท้องนภา
ส่วนตรงกลางนั้นค่อยๆ มีเงาร่างของชายชราปรากฏตัวขึ้น
“เฒ่าคนนี้คือจอมเทพสวรรค์นิรันดร์ที่ได้ตายลงยังที่แห่งนี้ พลังของข้านั้นไร้ผู้สืบทอด จะทิ้งมันไปก็น่าเสียดาย เพราะฉะนั้นข้าจึงได้ที่ตั้งถ้ำนิรันดร์ไว้ตรงที่แห่งนี้ หวังว่าจะมีผู้สืบทอดเข้ามารับช่วงมันต่อไป!”
เสียงนั้นพูดออกมาอย่างกึกก้องดังจนทั่วทุกคนต่างได้ยิน
ภายในเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานนั้นเย่หยวนที่ได้ยินเสียงนี้ก็ต้องรู้สึกราวกับมีฟ้าผ่าลงกลางหัว
ที่แท้สิ่งที่หวู่เฉินบอกว่ากำลังจะเกิดขึ้นนั้นมันคือเรื่องราวเกี่ยวกับจอมเทพนิรันดร์!
“เป็นเขา! เป็นเขาจริงๆ! ฮ่าๆ เฒ่าคนนั้นมานอนตายลงตรงนี้นี่เอง!”
ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนหวู่เฉินกำลังร่ำร้องหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อได้เห็นเงาร่างที่ดูคล้ายกับภาพวาดของพระผู้เป็นเจ้านั้นเย่หยวนก็ถึงขั้นพูดไม่ออกไปนานแสนนาน
นี่หรือคือจอมเทพสวรรค์นิรันดร์?
ช่างไร้ที่เปรียบและเหนือล้ำ!
ถึงขนาดที่ว่าการจะเลือกผู้สืบทอดก็ยังต้องประกาศบอกทุกผู้คน
ที่ด้านข้างเย่หยวนดวงตาคู่งามของเล้งชิวหลิงกำลังสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหยุดได้ ดูท่านางเองก็คงสนใจอย่างมาก
เทพสวรรค์!
ในมหาพิภพถงเทียนนั้นตัวตนของเทพสวรรค์นั้นมันเหมือนกับระเบิดปรมาณู
อย่างที่ว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าจะหยุดนักยุทธทั่วๆ ไปส่วนใหญ่ไว้ อาณาจักรเทพสวรรค์นี้เองก็ได้เป็นป้ายหยุดของยอดอัจฉริยะมากมายเช่นกัน
ในมหาพิภพถงเทียนทั้งสิ้นนั้นตัวตนระดับเทพถ่องแท้นั้นมันมีมากมาย แต่ในหมู่พวกเขา คนที่จะสามารถขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้นั้นมันมีเพียงแค่หยิบมือ!
ระหว่างเทพถ่องแท้และเทพสวรรค์นั้นมันมีกำแพงที่สูงใหญ่ขวางกั้น
ในเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานทั้งหมดมีแต่ความแตกตื่นให้เห็นทั่ว ตอนนี้นักยุทธแทบทุกคนนั้นคิดที่จะออกไปแสวงหาสมบัตินี้ ถึงขั้นมีหลายคนที่พุ่งตัวออกไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์
โอกาสเช่นนี้นับล้านปีมันจะมีผ่านมาสักครั้ง!
แต่ว่าเย่หยวนนั้นขมวดคิ้วแน่น
จอมเทพสวรรค์นิรันดร์คนนี้กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?
“ทำไมหรือ? ดูพี่เย่จะไม่ค่อยสนใจโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตนี้เลยนะ!”
เพราะการตอบรับของเย่หยวนกับเรื่องราวครั้งนี้มันเหนือความคาดหมายเล้งชิวหลิงไปมาก
สมบัติสืบทอดของเทพสวรรค์ นี่คือทุกสิ่งอย่างที่ผู้คนจะเฝ้าฝันถึงได้ แต่เย่หยวนกลับเอาแต่นั่งขมวดคิ้ว
เพราะแม้แต่ตัวนางที่มีนิสัยเยือกเย็นก็ยังร้อนผ่าวขึ้นมา แต่เย่หยวนกลับมีท่าทางที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
เย่หยวนนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบกลับไป “ข้าสนใจแน่อยู่แล้ว เพียงแค่ว่ามันฟังดูแปลกๆ ไปหน่อย”
เล้งชิวหลิงนั้นเบิกตากว้างด้วยความสงสัย “แปลก?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสท่านนี้บอกว่าเขาหาผู้สืบทอด แต่กลับไม่คิดกำหนดอายุขัย อาณาจักรบ่มเพาะ หรืออะไรก็ตามแต่เลย ที่สำคัญผู้อาวุโสท่านนี้ยังป่าวประกาศชื่อออกมาราวกับว่ากลัวศัตรูคู่แค้นจะไม่รู้ มันไม่น่าแปลกหรือ?”
นั่นทำให้เล้งชิวหลิงแทบสะดุ้งตัวขึ้นทันที เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่หยวนนางก็เริ่มมองเห็นถึงความน่าสงสัยอย่างเต็มเปี่ยมไปหมด
ปกติแล้วเวลาจะหาผู้สืบทอด พวกเขาที่คิดจะถ่ายทอดนั้นย่อมต้องมีเงื่อนไขที่เหนือล้ำผู้คนทั่วไป
และผู้สืบทอดของเทพสวรรค์นั้นมันยิ่งต้องมีคุณสมบัติที่มากล้นกว่าสิ่งใดๆ
เมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานนั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นแค่กองกำลังเทพถ่องแท้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังมีศิษย์คุณสมบัติอย่างเล้งชิวหลิงขึ้นมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...