“ชิ! ฉูชิงนี่กะคิดสังหารเย่หยวนลงเลยเหรอ!”
“แต่เขาจะสามารถผ่านระดับหกไปได้หรือไม่?”
“เมื่อเขากล้า เขาก็ย่อมมีความมั่นใจ! การผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันพร้อมๆ กับสายเลือดพยัคฆ์ขาวมันย่อมทำให้พลังของเขานั้นเหนือล้ำกว่าที่เราจะคิดคาดได้”
…
การกระทำอันบ้าบิ่นของฉูชิงนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหลายแตกตื่นขึ้นทันที
ตั้งแต่เรื่องของเฟนหมิงผ่านไปนักยุทธ์อาณาจักรนภาสวรรค์ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะท้าทายระดับที่สี่อีกเลย
เพราะค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นมันจะปรากฏขึ้นมาเฉพาะเมื่อผ่านระดับที่สามและหกเท่านั้น
หากคนผู้นั้นไม่อาจผ่านสามระดับพร้อมๆ กันได้ พวกเขาจะก็ต้องพบเจอกับความตายเท่านั้น
ตอนนี้หลายต่อหลายคนต่างหันมามองที่เย่หยวน เท่านี้หากฉูชิงผ่านไปถึงระดับหกได้จริงๆ เย่หยวนก็คงได้ทำเรื่องสนุกๆ ให้พวกเขาดูแล้ว
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะกลัวจนฉี่ราดไปก่อน
ฉูชิงนั้นไม่ได้ทำให้ทุกผู้คนผิดหวัง แม้ตอนนี้มันจะลำบากมากแต่เขาก็ยังผ่านระดับสี่ไปได้ในที่สุด
ในระดับที่ห้า พลังสายเลือดพยัคฆ์ขาวในร่างของฉูชิงก็ปะทุขึ้นมาทำให้เขาสามารถทนทานผ่านมาได้
ทุกคนนั้นต่างได้แต่ยืนตกตะลึง รวมไปถึงเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายด้วย เพราะพวกเขาทุกผู้คนต่างรู้สึกอับอายถึงการที่ไร้ความสามารถของตนเอง
ตอนนี้มีนักยุทธ์อาณาจักรนภาสวรรค์กำลังจะผ่านเข้าไปได้ถึงระดับหก!
ส่วนพวกเขาเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายกลับไม่กล้าแม้แต่จะท้าทายระดับนั้น
เหล่ายอดอัจฉริยะนี่มันแตกต่างจากผู้คนทั่วไปเสียจริงๆ
ในค่ายกลดาบระดับที่หกนั้นพลังของมันแสนที่จะรุนแรงทำให้สภาพของฉูชิงที่ต้องปะทะกับเหล่าดาบแสงนั้นแตกต่างจากระดับก่อนๆ มาก บาดแผลบนร่างกายของเขานั้นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ฉูชิงสะบัดดาบ ใช้พลังของสามแนวคิดจนถึงที่สุด ทั้งยังใช้พลังสายเลือดพยัคฆ์ขาวออกมาจนถึงขีดจำกัด
ถึงจะเป็นเช่นนั้นตอนนี้ฉูชิงก็ยังมีสภาพปางตาย หลบรอดเฉียดจุดตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
นั่นทำให้ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึง ไม่อาจทราบได้เลยว่าเขาจะสามารถผ่านระดับนี้ไปได้หรือไม่
แต่จู่ๆ ค่ายกลดาบก็เงียบสงบลงก่อนจะเผยให้เห็นค่ายกลเคลื่อนย้าย
ฉูชิงสามารถผ่านระดับที่หกได้!
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างถอนหายใจยาวออกมา ตอนนี้ฉูชิง นภาสวรรค์หกดาวขั้นสุดคนนี้กลับสามารถผ่านระดับที่หกมาได้จริง!
เรื่องนี้มันจะกลายเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของเขา!
สภาพของฉูชิงในตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ภาพนั้นมันกลับสุดแสนที่จะยิ่งใหญ่ในสายตาของผู้มองดู
นี่คือชายหนุ่มที่ไม่รู้จักคำว่าขีดจำกัด!
จากนั้นฉูชิงก็ค่อยๆ ลากร่างปางตายของตนเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย
แต่ก่อนจะเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายไปฉูชิงกลับหันมามองดูทางเย่หยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน
‘พรึบ!’
สายตาทุกคู่จึงหันมาจับจ้องที่เย่หยวนในทันที
เพราะการอวดอ้างนั้นมันถูกร้องบอกไปทั่ว!
ตามที่เย่หยวนได้อวดอ้างไว้ เขาจะต้องผ่านค่ายกลดาบไปถึงระดับเก้า ถึงจะมีสิทธิในการอยู่ในมิติวิเศษนี้ต่อไป
แต่ค่ายกลดาบระดับเก้านั้นมันเป็นไปได้หรือ?
จีคังเองเป็นถึงเทพถ่องแท้เก้าดาวกลับไม่อาจจะผ่านไปถึงระดับเจ็ดได้
แน่นอนว่าพลังของระดับเก้านั้นมันย่อมไม่มีใครกล้าพอที่จะคาดเดา
เพราะนั่นคือสิ่งต้องห้ามอย่างแท้จริง!
“คุณชายเย่ ถึงตาเจ้าแล้ว! เมื่อสักครู่นี้เจ้าอวดอ้างตัวเองอย่างล้นเหลือตอนนี้เจ้าพร้อมที่จะมุดแผ่นดินหนีรึยัง?” คนที่พูดขึ้นนี้คือยอดอัจฉริยะคนหนึ่งของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้าอัคคีนามฉีเหิง
เย่หยวนนั้นแค่มองทีเดียวก็เข้าใจท่าทางของคนผู้นี้ได้ทันที เขานั้นต้องการที่จะประจบฉูชิง
แต่คำพูดนี้ของเขาเหล่าผู้คนต่างไม่คิดว่ามันไม่เหมาะสมเลย
เพราะอย่างไรเสียเย่หยวนก็เป็นคนที่อวดอ้างตัวเองขึ้นมาก่อน
ไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนจะเข้าค่ายกลดาบไปอย่างแน่นอนเพราะเย่หยวนคงไม่เอาชีวิตไปทิ้งง่ายๆ
“เจ้าหมาตัวนี้มันมาจากไหนกัน? มาเห่ามาหอนอยู่แถวนี้?” เย่หยวนไม่คิดแม้แต่จะหันไปมองฉีเหิงและกล่าวขึ้นมา
นั่นทำให้ฉีเหิงหน้าแดงก่ำขึ้นทันที “หากถามหาหมา ก็เจ้าน่ะสิหมา?! ตอนนี้เจ้ากลัวจนตัวสั่นเหมือนหมาข้างถนนเลยมิใช่?”
เย่หยวนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “เจ้านายเจ้าแค่ผ่านระดับหกของค่ายกลดาบได้แต่ดูเจ้าวางท่าเข้าสิ หากเจ้าอยากเลียเท้าของเขาปานนั้นทำไมเจ้าไปลองเจ้าไปท้าทายค่ายกลดาบด้วยตัวเองเล่า?”
ทุกคนต่างมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน จนถึงตอนนี้ปากของเขาก็ยังดีไม่เปลี่ยน
แค่ระดับหก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...