จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1872

“ไม่ใช่พลังของตน? แล้วมันจะเป็นพลังอะไรกันที่สามารถป้องกันพลังที่แข็งแกร่งปานนั้นได้?” จี้ฉุนถามขึ้น

เทพสวรรค์โหมวหยู่ยิ้มตอบ “ดูท่าแล้ว… เด็กคนนี้มันคงมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับจอมเทพนิรันดร์แน่!”

จี้ฉุนเบิกตากว้างด้วยความรู้สึกที่เหมือนทุกสิ่งอย่างมันกระจ่างชัดขึ้นมา

ตอนนั้นเองก็เป็นเวลาที่ดาบแสงจางลงเผยให้เห็นเงาร่างของเย่หยวนอีกครั้งที่ยังคงยืนอยู่ในท่าเดิม

ทุกผู้คนต่างแทบลืมหายใจด้วยความรู้สึกที่ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาตรงหน้า!

“สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์! เขากำลังจะได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาครองแล้ว!”

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นจะสามารถผ่านค่ายกลดาบระดับเก้ามาได้จริง

แต่เมื่อเขาผ่านมาได้จริงแล้ว มันก็ย่อมจะหมายความว่าเย่หยวนนั้นกำลังจะได้ครองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์

เรื่องนี้มันทำให้ผู้คนแทบคลั่งตาย!

เย่หยวนค่อยๆ เปิดตาลืมขึ้นพร้อมพลังคลื่นดาบที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาอย่างรุนแรง

ตอนนี้แนวคิดแห่งดาบของเย่หยวนนั้นได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนถึงห้าดาวขั้นปลายแล้ว!

อย่างที่เทพสวรรค์โหมวหยู่ได้ว่าไว้ ที่ผ่านมาสองระดับนี้เย่หยวนได้กำลังทำความเข้าใจในดาบอยู่จริงๆ

“ยินดีด้วยที่ผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มาได้ ตอนนี้เจ้าจะได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์… ธงศึกดาวฤกษ์ไป!”

จากนั้นแสงดาวบนท้องฟ้ามันก็ร่วงลงมาอยู่ในมือของเย่หยวนเปลี่ยนกลายเป็นผืนธงใบเล็กสีดำ

เจ้าธงผืนน้อยนี้มันให้ความรู้สึกอันแสนล้ำค่าอย่างที่ไม่อาจหยั่งถึงทำให้นักยุทธ์ทั้งหลายต้องหันมามองด้วยความริษยา

เย่หยวนขยับข้อมือและส่งธงผืนน้อยนี้หายไปในอากาศ

จากนั้นไปเขาก็ค่อยๆ เดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงหน้า

เมื่อแสงสว่างขึ้นร่างของเย่หยวนก็ได้ปรากฏที่อีกฝั่งหนึ่งของค่ายกลดาบสังหารสวรรค์

‘ฟุบ!’

จากนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวเข้าไปในค่ายกลดาบสังหารต่อทันที

เมื่อทุกคนหันไปมองมันก็สายไปเสียแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะใครก็ตามที่ยังอยู่ด้านนี้ต่างแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างชัดเจน

“ให้ตาย โดนเจ้านั่นตัดหน้าไปจนได้!” เทพถ่องแท้หลายคนต้องกระทืบเท้าลงทันที

เย่หยวนนั้นสามารถผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้ไปได้และข้ามไปอยู่ยังอีกฝั่งของค่ายกลแล้วเรียบร้อย

ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ผ่านค่ายกลไปก่อน ก็ย่อมจะมีโอกาสเข้าไปแย่งชิงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ชิ้นนั้น

ในเวลาเช่นนี้มันย่อมเป็นการแข่งขันของความเร็ว

และคนที่ตอบสนองได้รวดเร็วที่สุดก็คือจี้ฉุน

มหาค่ายกลนั้นทำงานขึ้นอีกครั้งแน่นอนว่าสามระดับแรกมันย่อมไม่มีทางทำอะไรเขาได้

เมื่อเย่หยวนปรากฏร่างขึ้นมาที่อีกฝั่งบรรยากาศที่อีกด้านของค่ายกลมันก็เปลี่ยนไปทันที

“ฉูชิง ข้าได้ลองเจ้ามหาค่ายกลนี้ดูแล้วนะ แต่มันก็เท่านี้ เจ้าที่ไม่กล้าแม้แต่จะท้าทายระดับเจ็ดมันย่อมอ่อนแออย่างหามิได้!” เย่หยวนนั้นเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศตอนนี้และมองดูฉูชิงด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก

ฉูชิงได้แต่ยืนทื่อพร้อมนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาจึงแทบจะอยากมุดแผ่นดินหนีไปให้มันรู้แล้วรู้รอด

เย่หยวนนั้นท้าทายค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้และบดขยี้เขาลงได้อย่างไม่มีชิ้นดี

ฉูชิงนั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าเย่หยวนรอดออกมาได้อย่างไรกันแน่

แต่ตอนนั้นเองที่จู่ๆ ฉูชิงก็รู้สึกได้ถึงมือที่มาตบลงยังบ่าก่อนจะหันไปเจอใบหน้าของจีคังเข้า

เวลานี้เขาจึงกลับมาตั้งสติได้

เย่หยวนจะผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มาได้แล้วทำไม?

ผู้ร่ำรวยนั้นย่อมเสียท่าให้แก่ความโลภของโจรร้าย!

ตอนนี้การที่เย่หยวนมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ในครอบครองมันทำให้เขานั้นได้กลายเป็นศัตรูกับทุกผู้คน

เขาหันไปมองดูรอบๆ และก็พบสายตามากมายที่มองดูเย่หยวนราวสัตว์ป่าที่หิวโหย

“หึ แล้ว? เมื่อต้องเจอกับความตายเจ้าจะยังมีปัญญามาสนใจข้าอีกหรือ?” ฉูชิงหัวเราะเย้ย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ