เข้าสู่ระบบผ่าน

จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1900

“พระเจ้าช่วย ช่างเป็นพ่อหนุ่มที่หล่อเหลา! มาเร็ว รีบเข้ามา! ดงปิติเรานั้นเป็นแหล่งรวมความบันเทิง ข้าขอยืนยันเลยว่าท่านจะต้องสุขจนไม่รู้ลืม”

เมื่อเย่หยวนมาถึงดงปิติเขาก็ได้พบกับหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีรีบเดินเข้ามาจับคว้าตัวของเขาไว้ก่อนจะค่อยๆ ชักนำเขาเดินเข้าไปด้านในตัวตึก

เย่หยวนมองดูที่แม่เล้าผู้นั้นและถามขึ้น “ร้านของท่านมีหญิงชื่อเจียงไห่ถังหรือไม่?”

เมื่อแม่เล้าคนนั้นได้ยินนางก็ถามเย่หยวนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “นายน้อย นางผู้นั้นเต็มไปด้วยหนามคม แม้ว่านางจะดูรูปงามแต่นิสัยใจคอของนางนั้นดุร้าย! เรานั้นมีหญิงงามให้เลือกอีกมากมาย ทำไมท่าน… ไม่เลือกคนอื่นดูเสียก่อนเล่า?”

เย่หยวนยิ้มออกมา “นายน้อยผู้นี้ชอบม้าป่าแรงเถื่อน ข้าต้องการนาง ช่วยจัดเตรียมห้องและนำพานางมาให้ข้าด้วย”

แม่เล้านั้นหรี่ตามองก่อนจะพยักหน้าออกมา “หากนายน้อยท่านต้องการเช่นนั้นมันก็ไม่มีปัญหา เอาล่ะ เด็กๆ มาพาแขกขึ้นไปรอบนห้องหน่อย”

ได้ยินเช่นนั้นก็มีเด็กรับใช้รีบวิ่งออกมารับหน้าเย่หยวนและพาเข้าขึ้นไปบนห้อง

ดินแดนแห่งความหรรษานี้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักยุทธอย่างมาก

เพราะเส้นทางการบ่มเพาะวรยุทธนั้นมันช่างแสนเดียวดาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถไล่ตามเต๋าด้วยใจเด็ดเดี่ยวได้

หลังจากนักยุทธทั่วๆ ไปพัฒนาตนขึ้นมาได้ถึงจุดหนึ่งพวกเขาทั้งหลายก็จะมาถึงทางตันที่ไม่อาจบ่มเพาะให้บรรลุได้อีกต่อไป และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาย่อมใช้ชีวิตไปกับแสงสีของโลก

และนักยุทธประเภทนี้แท้จริงแล้วมันนับเป็นคนส่วนมากเสียด้วยซ้ำ

ระหว่างเดินทางขึ้นไปยังห้องเย่หยวนก็ได้รับรู้ว่ากิจการของดงปิตินี้คึกคักเต็มไปด้วยลูกค้า

ใบหน้ารูปร่างของหญิงสาวทั้งหลายที่ทำงานเองก็ดูดีไม่น้อย แถมแต่ละผู้คนยังบ่มเพาะตนขึ้นมาได้อย่างสูงส่งไม่ใช่แค่หญิงบำเรอทั่วๆ ไป

เมื่อบ่มเพาะมาได้ถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าหรือแม้แต่อาณาจักรนภาสวรรค์แล้วมันจะมีสักกี่คนกันที่จะยอมปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแค่ของเล่นของผู้ชายเช่นนี้?

เย่หยวนรักษาใบหน้านิ่งๆ นั้นไว้จนมาถึงห้องและพบว่าการตกแต่งภายในนั้นสุดแสนที่จะหรูหรา

ไม่นานนักเขาก็เห็นชายร่างกำยำสองคนลากพาตัวหญิงสาวนางหนึ่งเข้ามา

เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าร่างกายของนางนั้นและเห็นว่าหญิงสาวนางนี้มีร่างกายซูบผอม ทั้งยังมีแผลรอยช้ำบนใบหน้าไม่น้อย

แขนและขาของนางนั้นถูกมัดรวมไว้โดยกุญแจมือและโซ่ล่าม

แต่ก่อนจะถูกส่งขึ้นมาบนห้องนี้เองนางก็น่าจะถูกจัดแต่งสวยอย่างดีจึงพอที่จะกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งหลายได้

แม้จะดูซูบผอมแต่ความไม่คิดยอมในสายตาของนางก็ยังส่องประกายอย่างเจิดจ้าอย่างที่ไม่มีอะไรจะปิดบังได้

เย่หยวนที่ได้เห็นสภาพเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

หลังจากเข้ามาแล้วนางก็จ้องมองดูเย่หยวนตาเขม็ง

หากสายตาสามารถฆ่าผู้คนได้ เย่หยวนก็คงได้ตายไปนับร้อยๆ ครั้งแล้ว

แต่เย่หยวนนั้นกลับพูดขึ้นอย่างไม่คิดสนใจสายตานั้น “ปลดกุญแจมือและโซ่ตรวนนาง”

ชายร่างกำยำทั้งสองผงะไปเล็กน้อยก่อนจะแสดงท่าทางลังเลออกมา “เรื่องนั้น… มันจะไม่ดีมั้งท่าน? นางผู้นี้ดุร้ายอย่างมากทำร้ายแขกเราไปหลายต่อหลายคนแล้ว”

เย่หยวนกล่าว “เจ้าคิดว่านางที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ไว้นี้จะทำร้ายข้าได้?”

เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายผู้หนึ่งก็เข้ามาปลดเครื่องพันธนาการออกจากตัวเจียงไห่ถัง “เจ้าอยู่นิ่งๆ! หากเจ้ากล้าทำอะไรเสียมารยาทต่อแขกอีกเข้าคงรู้ผลที่จะตามมาใช่หรือไม่?”

พูดจบแล้วชายทั้งสองก็เดินจากไป

เย่หยวนยกเหล้าขึ้นมาเทตรงหน้าก่อนจะยกเทใส่อีกแก้วที่ตรงข้ามพร้อมทำท่าเชิญด้วยรอยยิ้ม “มานั่งคุยกันก่อน ค่อยๆ ดื่มให้มันหายกังวล”

เจียงไห่ถังไม่คิดนั่งและมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเย็นเยือก “เจ้าคนหน้าไม่อาย คิดจะใช้เหล้ามอมสติข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!”

เย่หยวนแต่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและยกแก้วขึ้นดื่มไปคนเดียว “เจ้ามีนามว่าเจียงไห่ถัง?”

“แล้ว?”

“พ่อเจ้าคือเจียงยู่ถัง?”

นั่นทำให้เจียงไห่ถังหน้าถอดสีทันที “เจ้าเป็นใครกัน?”

เย่หยวนมองดูที่นางพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เวลาแปดร้อยปีเจ้ากลับสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้ ไม่เลวๆ! ดูท่าโอสถยอดหยกโมฆะนั้นจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆ”

ได้ยินเช่นนั้นเจียงไห่ถังก็ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างมาก

เจียงไห่ถังนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนพูดความจริง เพราะด้วยพรสวรรค์อย่างนางมีหรือที่จะสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้อย่างรวดเร็วปานนี้?

หลายปีมานี้ในการบ่มเพาะของนาง เจ้าโอสถยอดหยกโมฆะมันยังคงส่งผลประโยชน์ออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหมดลงไป ทำให้นางสามารถบรรลุผ่านคอขวดมาได้อย่างรวดเร็ว

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้เจียงไห่ถังก็มีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเจียงยู่ถังผู้เป็นพ่อแล้ว!

ความเร็วในการพัฒนาระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าที่นางจะทำเองได้

“ข-ขอบคุณมาก!” เจียงไห่ถังบอก

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “แค่เจ้าไม่เกลียดชังข้ามันก็นับเป็นโชคดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้ามีหรือที่พ่อของเจ้าจะถูกโยนเข้าคุกขังรอความตายเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็คงไม่ต้องตกต่ำมาถูกขายให้กับที่แบบนี้ด้วย”

แต่เจียงไห่ถังกลับส่ายหัวออกมา “เจ้าไม่ต้องคิดเช่นนั้นหรอก พ่อข้าบอกว่าท่านนั้นติดค้างหนี้เจ้าอย่างมาก สัญญาที่ได้ให้ไว้มันต้องทำให้สำเร็จ! ข้ารู้ดีว่าทั้งหมดนั้นท่านทำเพื่อข้าทั้งสิ้น…”

พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาของเจียงไห่ถังก็ไม่อาจกลั้นไว้อยู่อีกต่อไป นางปล่อยมันไหลลงมาเหมือนเขื่อนที่แตกรั่ว

เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจยาว “พี่เจียงนี้ช่างน่านับถือ! เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องตายลงเช่นนี้แน่ แต่เป็นเจ้านี่แหละ… ทำไมเจ้าถึงได้โง่เขลาไปถามหาความช่วยเหลือจากตัวต้นตอเรื่องกัน?”

เจียงไห่ถังได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ “ข้า… ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

ได้ยินคำเล่าพร้อมทั้งน้ำตาของเจียงไห่ถัง ไฟแห่งความโกรธแค้นของเย่หยวนก็ได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง

แท้จริงแล้ววันที่เจียงไห่ถังไปหาหยูจินซงวันนั้น เขาผู้นั้นได้บอกให้นางสละร่างกายแลกกับการที่จะให้เขาปล่อยเจียงยู่ถังออกมา

ด้วยนิสัยของเจียงไห่ถังมีหรือที่นางจะยอมรับเรื่องเสียเกียรติง่ายๆ เช่นนั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าทางหยูจินซงกลับจุดเทียนกินวิญญาณไว้ในห้องที่พูดคุยกัน

เขานั้นแย่งชิงความบริสุทธิ์ของเจียงไห่ถังไปพร้อมๆ ปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางและส่งนางไปขายที่ดงปิติ

ด้วยนิสัยไม่กลัวตายของเจียงไห่ถังนั้นนางได้เตรียมใจที่จะตายมานานแสนนานแล้วเพียงแค่ว่าเรื่องราวความเป็นความตายของเจียงยู่ถังยังไม่กระจ่างชัด สุดท้ายนางจึงได้แต่ทนอยู่อย่างอัปยศมาจนถึงทุกวันนี้

เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมาหลังได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายเขาจึงยื่นมือไปดึงตัวเจียงไห่ถังขึ้น “ไปกัน ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ