จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1911

เมื่อได้โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะไปหยูชางหยุนก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

เย่หยวนนั้นสามารถหลอมได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แต่กับจวนเจ้าเมืองแล้วเขาย่อมไม่คิดจะลงมืออย่างสุดตัว

แต่ทว่าแค่ขั้นเทวะม่วงมันก็เป็นสุดยอดโอสถแล้ว

อย่าว่าแต่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น แม้แต่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิมันก็คงมีนักหลอมโอสถที่มีฝีมือถึงขนาดนั้นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะได้

แน่นอนว่าทางจวนเจ้าเมืองก็ต้องจ่ายออกมาอย่างงามเพื่อแลกมัน

หยูชางหยุนเพิ่งเดินพ้นเขตเมืองไปทางเจ้าตึกลมไหล หลี่ซืออานก็ได้มาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์พร้อมด้วยผู้ติดตาม

พวกเขานั้นแน่นอนว่าต้องมาเพื่อขอโอสถด้วยเช่นกัน

เย่หยวนนั้นไม่ค่อยจะชอบสำนักอากาศแจ่มมาแต่เดิม แต่แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่ปล่อยโอกาสไถเงินมากมายเช่นนี้ออกไป

เพราะสิ่งที่สิบเมืองสันเขาใต้ขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้มันก็คือทรัพยากรบ่มเพาะและสมุนไพรต่างๆ

เย่หยวนนั้นไม่อาจจะอยู่ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่อปกป้องคนทั้งหลายได้อีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการทำให้คนทั้งหลายนี้แข็งแกร่งขึ้นจนปกป้องตัวจากใครก็ตามที่จะมาทำร้ายพวกเขาได้มันจึงดีกว่า

และเมื่อจัดการตกลงใดๆ กับพวกหลี่ซืออานได้แล้วทางคนของหอยอดดอกก็ได้ตามมาด้วย

แต่คราวนี้มันแตกต่างจากสองพวกก่อนเพราะหอยอดดอกนี้ส่งคนมาเพียงผู้เดียว

คนผู้นั้นก็คือหรงซีเยว่

เมื่อเห็นนางสุดงามผู้นี้มายืนต่อหน้า แม้แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกแทบลืมหายใจ

“ช-ช่างสวยงามนัก!” ดวงตาของหนิงเทียนปิงทั้งสองข้างที่ยืนอยู่ข้างกายเย่หยวนนั้นแทบพุ่งทะลุออกจากเบ้า

หรงซีเยว่นั้นยิ้มออกมาอ่อนๆ ก่อนจะก้มหัวให้เย่หยวน

“คนบาปหรงซีเยว่ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ!”

รอยยิ้มนั้นของนางมันทำให้ใจลอยและสดชื่นขึ้นในทันที ร่างกายของหนิงเทียนปิงในเวลานี้แทบจะละลายลงไปเป็นของเหลว

เย่หยวนยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา “บาปใดกันเล่า?”

หรงซีเยว่นั้นตื่นตกใจไม่น้อยเพราะตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าตนนั้นดูถูกเย่หยวนจนเกินไป

ความงามของหญิงสาวนั้นมันเป็นเครื่องมือจัดการผู้ชายอย่างดี

หรงซีเยว่นั้นมั่นใจในใบหน้ารูปร่างของตนอย่างมาก แค่ขยิบตายิ้มให้มันก็มากพอจะทำให้ผู้ชายกลายเป็นบ้าได้

ตอนที่หวู่เทียนเห็นหรงซีเยว่ทั้งร่างของเขาก็ล่องลอยจนโงหัวจากนางไม่ขึ้น

แต่เย่หยวนนั้นกลับแค่ตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

“หรงซีเยว่นั้นเป็นต้นเหตุทำให้หวู่เทียนนั้นมาสร้างเรื่องจนเกือบเป็นหายนะแก่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์” หรงซีเยว่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางสำนึกผิด

แต่เย่หยวนเองก็กำลังตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกันเพราะวิชาการยั่วยวนของนางนั้นสุดแสนจะเหนือล้ำ

หากไม่ใช่เพราะไข่มุกสยบวิญญาณแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่มีทางกลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วภายในวินาทีเช่นนี้แน่

ศาสตร์แห่งการยั่วยวนเช่นนี้มันสุดแสนจะเหนือล้ำแต่เย่หยวนกลับไม่พบว่าในการยั่วยวนของนางนี้มีอะไรที่แปลกปลอมเสริมเข้ามาเลย

ไม่มีการหว่านเสน่ห์ ไม่มีการหลอกล้อแต่กลับทำให้คลื่นฉีปั่นป่วนได้ด้วยแค่ตัวนางคงอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมายังโลกเบื้องล่าง

ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่หนิงเทียนปิงจะพ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาคนนี้ฝึกฝนกับเย่หยวนมานานแน่นอนว่าย่อมมีสติและความคิดที่มั่นคง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังไม่พอ

เมื่อได้เห็นหรงซีเยว่ เย่หยวนย่อมเข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหวู่เทียน

“เกือบเป็นหายนะ? หรงซีเยว่ เจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเจียงยู่ถังเลยอย่างนั้นหรือ!” เย่หยวนเย้ยออกมาด้วยสายตาที่คมกริบ

แต่หรงซีเยว่นั้นยังคงปั้นหน้าตาไม่รู้เรื่องออกมา “ซีเยว่ไม่เข้าใจ”

เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าคงไม่คิดว่าข้าไม่กล้าทำลายประถางดอกไม้สวยๆ หรอกใช่หรือไม่? วิชาการยั่วยวนของเจ้านั้นมันเหนือล้ำ แต่คนอย่างเจ้ามันยังไม่พอผ่านมาตรฐานของข้าหรอก!”

เคร้ง!

เย่หยวนนั้นยังพูดไม่ทันขาดคำเขาก็ชักดาบฝ่าน้ำค้างแข็งออกมาและในวินาทีที่มันปรากฏ มันก็พุ่งเป้าเข้าไปหาหรงซีเยว่ทันที

หนิงเทียนปิงนั้นยังไม่ทันกลับมาตั้งสติและร้องออกมา “นายท่านคิดทำอะไรของท่าน?”

หรงซีเยว่หน้าถอดสีทันทีคิดอยากจะหลบแต่ก็ได้รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่อาจจะหลบไปที่ไหนได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ