เมื่อได้โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะไปหยูชางหยุนก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
เย่หยวนนั้นสามารถหลอมได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แต่กับจวนเจ้าเมืองแล้วเขาย่อมไม่คิดจะลงมืออย่างสุดตัว
แต่ทว่าแค่ขั้นเทวะม่วงมันก็เป็นสุดยอดโอสถแล้ว
อย่าว่าแต่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น แม้แต่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิมันก็คงมีนักหลอมโอสถที่มีฝีมือถึงขนาดนั้นแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะได้
แน่นอนว่าทางจวนเจ้าเมืองก็ต้องจ่ายออกมาอย่างงามเพื่อแลกมัน
หยูชางหยุนเพิ่งเดินพ้นเขตเมืองไปทางเจ้าตึกลมไหล หลี่ซืออานก็ได้มาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์พร้อมด้วยผู้ติดตาม
พวกเขานั้นแน่นอนว่าต้องมาเพื่อขอโอสถด้วยเช่นกัน
เย่หยวนนั้นไม่ค่อยจะชอบสำนักอากาศแจ่มมาแต่เดิม แต่แน่นอนว่าเขาย่อมจะไม่ปล่อยโอกาสไถเงินมากมายเช่นนี้ออกไป
เพราะสิ่งที่สิบเมืองสันเขาใต้ขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้มันก็คือทรัพยากรบ่มเพาะและสมุนไพรต่างๆ
เย่หยวนนั้นไม่อาจจะอยู่ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เพื่อปกป้องคนทั้งหลายได้อีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการทำให้คนทั้งหลายนี้แข็งแกร่งขึ้นจนปกป้องตัวจากใครก็ตามที่จะมาทำร้ายพวกเขาได้มันจึงดีกว่า
และเมื่อจัดการตกลงใดๆ กับพวกหลี่ซืออานได้แล้วทางคนของหอยอดดอกก็ได้ตามมาด้วย
แต่คราวนี้มันแตกต่างจากสองพวกก่อนเพราะหอยอดดอกนี้ส่งคนมาเพียงผู้เดียว
คนผู้นั้นก็คือหรงซีเยว่
เมื่อเห็นนางสุดงามผู้นี้มายืนต่อหน้า แม้แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกแทบลืมหายใจ
“ช-ช่างสวยงามนัก!” ดวงตาของหนิงเทียนปิงทั้งสองข้างที่ยืนอยู่ข้างกายเย่หยวนนั้นแทบพุ่งทะลุออกจากเบ้า
หรงซีเยว่นั้นยิ้มออกมาอ่อนๆ ก่อนจะก้มหัวให้เย่หยวน
“คนบาปหรงซีเยว่ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ!”
รอยยิ้มนั้นของนางมันทำให้ใจลอยและสดชื่นขึ้นในทันที ร่างกายของหนิงเทียนปิงในเวลานี้แทบจะละลายลงไปเป็นของเหลว
เย่หยวนยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา “บาปใดกันเล่า?”
หรงซีเยว่นั้นตื่นตกใจไม่น้อยเพราะตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าตนนั้นดูถูกเย่หยวนจนเกินไป
ความงามของหญิงสาวนั้นมันเป็นเครื่องมือจัดการผู้ชายอย่างดี
หรงซีเยว่นั้นมั่นใจในใบหน้ารูปร่างของตนอย่างมาก แค่ขยิบตายิ้มให้มันก็มากพอจะทำให้ผู้ชายกลายเป็นบ้าได้
ตอนที่หวู่เทียนเห็นหรงซีเยว่ทั้งร่างของเขาก็ล่องลอยจนโงหัวจากนางไม่ขึ้น
แต่เย่หยวนนั้นกลับแค่ตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
“หรงซีเยว่นั้นเป็นต้นเหตุทำให้หวู่เทียนนั้นมาสร้างเรื่องจนเกือบเป็นหายนะแก่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์” หรงซีเยว่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางสำนึกผิด
แต่เย่หยวนเองก็กำลังตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกันเพราะวิชาการยั่วยวนของนางนั้นสุดแสนจะเหนือล้ำ
หากไม่ใช่เพราะไข่มุกสยบวิญญาณแล้วเย่หยวนเองก็คงไม่มีทางกลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วภายในวินาทีเช่นนี้แน่
ศาสตร์แห่งการยั่วยวนเช่นนี้มันสุดแสนจะเหนือล้ำแต่เย่หยวนกลับไม่พบว่าในการยั่วยวนของนางนี้มีอะไรที่แปลกปลอมเสริมเข้ามาเลย
ไม่มีการหว่านเสน่ห์ ไม่มีการหลอกล้อแต่กลับทำให้คลื่นฉีปั่นป่วนได้ด้วยแค่ตัวนางคงอยู่ตรงนั้นราวกับว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่ลงมายังโลกเบื้องล่าง
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่หนิงเทียนปิงจะพ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ เขาคนนี้ฝึกฝนกับเย่หยวนมานานแน่นอนว่าย่อมมีสติและความคิดที่มั่นคง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังไม่พอ
เมื่อได้เห็นหรงซีเยว่ เย่หยวนย่อมเข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหวู่เทียน
“เกือบเป็นหายนะ? หรงซีเยว่ เจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของเจียงยู่ถังเลยอย่างนั้นหรือ!” เย่หยวนเย้ยออกมาด้วยสายตาที่คมกริบ
แต่หรงซีเยว่นั้นยังคงปั้นหน้าตาไม่รู้เรื่องออกมา “ซีเยว่ไม่เข้าใจ”
เย่หยวนตอบออกมา “เจ้าคงไม่คิดว่าข้าไม่กล้าทำลายประถางดอกไม้สวยๆ หรอกใช่หรือไม่? วิชาการยั่วยวนของเจ้านั้นมันเหนือล้ำ แต่คนอย่างเจ้ามันยังไม่พอผ่านมาตรฐานของข้าหรอก!”
เคร้ง!
เย่หยวนนั้นยังพูดไม่ทันขาดคำเขาก็ชักดาบฝ่าน้ำค้างแข็งออกมาและในวินาทีที่มันปรากฏ มันก็พุ่งเป้าเข้าไปหาหรงซีเยว่ทันที
หนิงเทียนปิงนั้นยังไม่ทันกลับมาตั้งสติและร้องออกมา “นายท่านคิดทำอะไรของท่าน?”
หรงซีเยว่หน้าถอดสีทันทีคิดอยากจะหลบแต่ก็ได้รู้ตัวว่าตอนนี้ไม่อาจจะหลบไปที่ไหนได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...