ในสังเวียนจิตม่วงตอนนี้กำลังมีสองคลื่นพลังพุ่งทะยานใส่กันอย่างดุเดือด
หนึ่งนั้นเป็นคลื่นพลังที่กว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทรราวกับไร้สิ้นสุด อีกฝ่ายนั้นอ่อนแอเบาบางอย่างมากเมื่อเทียบกัน
แต่ทว่าคลื่นพลังที่เบาบางนั้นมันกลับหนักแน่นไม่ว่าจะมีคลื่นมรสุมซัดใส่เท่าใดมันก็ไม่คิดจะหวั่นไหวแม้แต่น้อย
ทางฝั่งที่มีพลังรุนแรงกว่านั้นกลับเป็นฝ่ายที่มีเหงื่อไหลหยดลงกลางหน้าผากส่วนทางฝ่ายที่เบาบางกว่านั้นมันกลับตั้งมั่นเหมือนต้นสนที่ไม่สนลม
‘หลอม!’
เย่หยวนร้องขึ้นเริ่มการหลอมโอสถ!
หลี่ต้าชิงได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะก้มหัวลงแก่เย่หยวน “ขอบคุณน้องเย่ที่ช่วยแนะนำ หลี่ผู้นี้ของยอมแพ้”
หลี่ต้าชิงนั้นเป็นยอดฝีมืออันดับสามของระดับจิตม่วง เขาเป็นถึงจอมเทพโอสถหกดาว
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พ่ายให้แก่เย่หยวน
เย่หยวนเองก็ยกมือขึ้นคารวะตอบ “ข้าไม่กล้าแนะนำใดๆ เราแค่แลกเปลี่ยนความรู้กันก็เท่านั้น พี่หลี่มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำเก่งกาจจนใกล้ขึ้นถึงอาณาจักรเต๋าแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวท่านก็คงสามารถขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าได้และจะพัฒนาตัวเองไปอย่างมหาศาล!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ทางฝ่ายหลี่ต้าชิงก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นดีใจขึ้น “ได้การชี้แนะนี้จากน้องเย่มันช่างเหมาะเจาะเวลา หลี่คนนี้เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างและคงสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเต๋าได้แน่ในครานี้!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับ “เช่นนั้นข้าก็ขอแสดงความยินดีกับพี่หลี่ล่วงหน้าด้วย!”
เมื่อชนะศึกนี้ไปมันก็เท่ากับว่าเย่หยวนนั้นชนะในสังเวียนจิตม่วงนี้มาได้ถึงแปดสิบศึกแล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องการอีกยี่สิบศึกก็จะสามารถเลื่อนขึ้นไปยังขั้นเกล็ดดำได้
ชัยชนะอันรวดเร็วนี้ของเย่หยวนไม่อาจมีอะไรมาหยุดได้
แม้เหล่าจอมเทพโอสถหกดาวทั้งหลายนั้นจะเก่งกาจกว่าจอมเทพโอสถห้าดาวและมีพลังจิตที่รุนแรงมากกว่าหลายต่อหลายเท่าแต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้เมื่อต้องมายืนอยู่ต่อหน้าเย่หยวน
เพราะการประลองโอสถเช่นนี้มันมีกฎห้ามใช้พลังคลื่นจิตโจมตีฝ่ายตรงข้ามตรงๆ มีแต่ต้องใช้เศษพลังจิตที่ได้ใช้ในการหลอมไปกดดันคู่ต่อสู้เท่านั้น
ไม่เช่นนั้นแล้วหากเทียบกันแค่เรื่องปริมาณคลื่นพลังจิตจอมเทพโอสถหกดาวย่อมสามารถทำลายจอมเทพโอสถห้าดาวลงได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าด้วยความเป็นเย่หยวนแม้อีกฝ่ายจะคิดใช้การโจมตีโดยตรงเช่นนั้นมันก็ย่อมไม่มีผลใดๆ
เพราะด้วยไข่มุกสยบวิญญาณแล้วการกระทำเช่นนั้นมันย่อมไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
เมื่อเย่หยวนสามารถรักษาสังเวียนไว้ได้อีกครั้งและกำลังจะเดินจากไปก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวขึ้นมาบนสังเวียน
เขาเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีดำ สายตาที่เขามองดูเย่หยวนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกจากก้นบึ้งของจิตใจ
ชายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าวขึ้น “เจ้าคือเย่หยวน?”
เย่หยวนไม่รู้จักอีกฝ่ายและดูท่าเขาก็คงไม่ได้มาดีแน่ จึงเลือกที่จะเดินลงสังเวียนไปโดยไม่คิดสนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ชายวัยกลางคนผู้นั้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะขยับร่างมาปิดทางเย่หยวนไว้ “ข้าถามเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกหรือ?”
ทางฝั่งกรรมการเองก็ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกล่าว “ยู่หยิง เจ้ามาที่สังเวียนจิตม่วงนี้ด้วยเหตุใด? เจ้าคิดจะมาก่อเรื่องหรือ? หรือว่าเจ้าลืมกฎของศาลาโอสถสวรรค์ไปแล้ว”
“ยู่หยิง! ที่แท้นั่นคือยู่หยิง!”
“น่ากลัวนัก! นี่คือยอดฝีมือที่ติดห้าอันดับของขั้นเกล็ดดำ ว่ากันว่าเขานั้นขึ้นอาณาจักรเต๋ามาได้ตั้งแต่เมื่อหมื่นปีก่อนแล้ว!”
“ดูท่าการมาครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่! เท่านี้ก็คงมีอะไรสนุกๆ ให้ดูชมแล้ว”
…
เมื่อกรรมการคนนั้นเปิดปากพูดเหล่าผู้ชมทั้งหลายก็แตกตื่นกันขึ้นทันที
ดูท่าแล้วยู่หยิงผู้นี้คงมีชื่อเสียงไม่น้อยทำให้คนทั้งหลายต้องเคยได้ยินชื่อมาก่อน
เพราะขั้นเกล็ดดำนั้นมันแตกต่างจากจิตม่วง แต่ละคนนั้นล้วนเป็นยอดคนชื่อสะท้านที่นานทีปีหนจะปรากฏตัวออกมาทำให้ผู้คนที่ได้รู้จักหน้าตาของพวกเขาเองก็มีไม่มาก
ตอนนี้เมื่อกรรมการผู้นั้นกล่าวชื่อยู่หยิงออกมาพวกเขาทั้งหลายย่อมต้องแตกตื่นกัน
สงสัยก็เพียงว่าเหตุใดยู่หยิงจึงได้มาหาเรื่องเย่หยวนเช่นนี้
ยู่หยิงกล่าวขึ้น “หวางเจียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า! ข้าย่อมรู้กฎของศาลาโอสถสวรรค์ดี ไม่ต้องให้เจ้ามาสอน”
กรรมการหวางเจียนผู้นี้เองก็เป็นหนึ่งในนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำเช่นกัน เขาเองก็มีตำแหน่งที่สูงส่งไม่น้อย
แต่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงใดๆ กับยู่หยิงได้
ยู่หยิงจ้องมองดูเย่หยวนอย่างร้อนแรง “เด็กน้อย ข้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นดูถูกโถงวาโยขจีของเราว่าแม้จะเป็นผู้อาวุโสก็ไม่มีค่าไปพบเจ้าหรือ?”
ยู่หยิงเองก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของโถงวาโยขจี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...