ตอนนี้ทั้งเย่หยวนและยู่หยิงต่างทำราวกับว่าหวางเจียนนั้นไม่มีตัวตนใด
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสร้างปัญหาให้ใครแต่เมื่อใครมาหาเรื่องเขาก็ย่อมไม่เกรงกลัว
เมื่อมีคนกล้ามาคิดรังแกเขาถึงหน้าประตู เขาก็ย่อมไม่กลัวจนหัวหด
“หึ ดูถูกแม้แต่ขั้นเกล็ดดำ ช่างเป็นคนที่โอหังเสียจริง! ข้าจะให้เจ้าได้รู้เองว่าขั้นเกล็ดดำนั้นเก่งกาจเพียงใด!” ยู่หยิงบอกด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เย่หยวนตอบกลับไป “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าคงต้องขอดูหน่อยแล้ว”
ที่ด้านล่างสังเวียนเหล่าคนทั้งหลายทั้งเจียงหยวนและคนรับใช้ของเขาต่างมองดูภาพนี้พร้อมหัวเราะเย้ยอยู่ในใจ
ยู่หยิงนั้นเก่งกาจเพียงใดเขาย่อมรู้ดี
ต่อให้เป็นโอสถความยากแปดเขาก็ยังสามารถหลอมมันไปจนถึงขั้นเทวะได้ถึงหนึ่งครั้ง
แม้ว่าเย่หยวนจะมีความสามารถที่ไม่น้อยแต่เมื่อไปถึงขั้นเกล็ดดำแล้วเขาก็ย่อมต้องพบกับขีดจำกัดของตัวเอง
“หึ สมแล้วจริงๆ ที่เป็นคนเช่นนี้ คนเช่นนี้มันย่อมไม่มีค่าใดจะให้อยู่ในศาลาโอสถสวรรค์อีกต่อไป!” เจียงหยวนบอกขึ้น
หลังจากที่เจียงหัวถูกทำร้ายในครั้งนั้นเขาคนนี้ก็ได้ไปหายู่หยิงเพื่อขอให้ยู่หยิงออกมาจัดการสั่งสอนเย่หยวนให้
ยู่หยิงเองก็เป็นคนที่รักในโถงวาโยขจีมาก ทั้งเจียงหยวนยังคอยดูแลเขามาอย่างดี คนทั้งสองย่อมมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
เจียงหยวนนั้นเล่าเรื่องราวไร้สาระทั้งหลายออกมาให้ยู่หยิงฟังจนทำให้เขาเดือดดาลออกมาหาเรื่องเย่หยวนในทันทีเช่นนี้
ตอนนี้ยู่หยิงรีดความอวดดีของเย่หยวนออกมา เมื่อมันเข้าสู่สายตาของเจียงหยวนเขาก็ยิ่งเชื่อในคำพูดของเจียงหัวไปใหญ่
เมื่อได้เห็นเย่หยวนรับคำท้า เจียงหัวก็ตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด
“ท่านผู้นำตระกูล ข้าพูดผิดไหมเล่า? เจ้าเด็กคนนี้มันช่างอวดดีไม่สนใจใคร อย่าว่าแต่ข้าผู้ช่วยตัวน้อยๆ นี้เลย” เจียงหัวร้องบอกด้วยท่าทางเจ็บปวด
เจียงหยวนพยักหน้ารับ “เมื่อมันกล้าปีนขึ้นหัวเรามันก็ย่อมต้องรับผลกรรม! ข้าได้เตรียมการส่งคนไปดักรอมันไว้ที่นอกเมืองแล้ว ตราบเท่าที่เราไล่มันออกเมืองได้ มันย่อมจะต้องตายลงแน่!”
ในฐานะผู้อาวุโสแห่งโถงวาโยขจี เจียงหยวนย่อมไม่ใช่คนใจอ่อนใดๆ
การที่เย่หยวนทำร้ายผู้ช่วยของเขามันก็เหมือนเป็นการตบหน้าเขา มีหรือที่เขาจะทนทานได้?
ที่สำคัญเย่หยวนนั้นยังกล้าว่าดูถูกโถงวาโยขจีไปพร้อมๆ กับเขา
เจียงหัวนั้นตื่นเต้นดีใจอย่างมากเมื่อได้ยิน ไม่นึกไม่ฝันว่าทางผู้นำตระกูลของเขาจะทำการได้รอบคอบปานนี้
“ขอบพระคุณท่านผู้นำตระกูลที่ช่วยระบายความโกรธแค้นนี้!” เจียงหัวร้องบอก
ส่วนบนสังเวียนนั้นคนทั้งสองต่างพร้อมที่จะลงมือแข่งขัน การต่อสู้อันยิ่งใหญ่กำลังใกล้จะเริ่มขึ้นเต็มที
ก่อนหน้านี้มันไม่เคยจะมีนักหลอมโอสถสวรรค์จิตม่วงคนใดไปท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำมาก่อนเลย
เพราะความแตกต่างของทั้งสองนั้นมันยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่อาจจะเทียบเคียงกันได้
แต่วันนี้เย่หยวน นักหลอมโอสถสวรรค์จิตม่วงคนนี้กลับกล้าท้าทายนักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำ
ที่สำคัญยู่หยิงคนนี้ยังเป็นยอดคนในหมู่นักหลอมโอสถสวรรค์เกล็ดดำด้วย
“เด็กน้อย เจ้าเบิกตาดูให้ดีว่ายอดฝีมืออาณาจักรเต๋านั้นแข็งแกร่งเพียงใด! เจ้ามันยังเร็วเกินไป! วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าไม่มีหน้าอยู่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิอีกต่อไป!” ยู่หยิงร้องบอก
แท้จริงก่อนหน้านี้ทุกผู้คนต่างรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือถึงขั้นเกล็ดดำแล้วแน่นอน
เพียงแค่ว่าแม้จะเป็นขั้นเกล็ดดำด้วยกันเองมันก็ยังมีความแตกต่างของพลังฝีมืออย่างสุดขั้ว
เหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นขึ้นสู่อาณาจักรเต๋ามาได้นานปีและย่อมมีความสามารถอย่างที่คนทั้งหลายไม่อาจจินตนาการได้
กับจอมเทพโอสถแล้วอาณาจักรเต๋านั้นคือสุดยอดความรู้ที่แตกต่างจากคนทั่วไปคนล่ะโลก
เพียงแค่ว่ายู่หยิงไม่ได้รู้เลยว่าเย่หยวนเองก็ได้ขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดแล้ว
“เอาล่ะ เลิกพูดจาไร้สาระเสียที หากการพูดมันช่วยให้หลอมโอสถได้ ในมหาพิภพถงเทียนนี้มันก็คงมีนักหลอมโอสถอยู่มากมายแล้ว” เย่หยวนบอก
ยู่หยิงนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าดำเครียด “เจ้าเด็กปากดีคนนี้ ในการประลองโอสถนี้เจ้าจงระวังตัวให้ดี!”
เขาปล่อยพลังจิตอันมหาศาลออกมาทำให้ผู้คนทั้งหลายขนลุกชัน
แม้เข้าสู่การหลอมโอสถแล้วยู่หยิงก็ยังส่งความรู้สึกเกินจะทนทานได้ออกมาทำให้ผู้คนทั้งหลายต้องหน้าซีดลง
ไม่นานนักคลื่นพลังอันหนักหน่วงนั้นมันก็เริ่มเข้าไปในหม้อหลอม
‘ปัง!’
คลื่นพลังของยู่หยิงยิ่งรุนแรงขึ้นราวกับเสือร้ายที่พร้อมบุกทะลวงเข้าเขตแดนของเย่หยวน
ในสายตาของคนนอก เขาปล่อยพลังจิตออกมาจนกินพื้นที่แทบทั้งสังเวียนไม่ปล่อยให้เย่หยวนได้มีโอกาสรอดไป
ยู่หยิงผู้อยู่ในอาณาจักรเต๋าแน่นอนว่าพลังใดๆ ที่เขามีมันย่อมเหนือล้ำกว่าคู่ต่อสู้ที่เย่หยวนเคยได้พบเจอผ่านๆ มา
และแน่นอนว่าผลกระแทกจากคลื่นจิตของเขาเองก็เหนือล้ำกว่าคนอื่นๆ นับพันเท่า
ภายใต้พลังอันรุนแรงนี้ของยู่หยิง มันทำให้สถานการณ์ของเย่หยวนตอนนี้เหมือนตกที่นั่งลำบาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...