เฉินหยู่ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
เย่หยวนนั้นคิดท้าทายพวกเขาทั้งสามเข้าประลองพร้อมๆ กันมันจะไม่เป็นการดูถูกพวกเขาทั้งหลายมากไปหน่อยหรือ?
ในฐานะนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าแน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีชื่อเสียงอำนาจทั่วฟ้าดิน
เย่หยวนนั้นไม่สนว่าตัวเองยังเป็นแค่เด็กหนุ่มและท้าทายอย่างอวดดี!
นั่นทำให้เกิดเสียงร้องว่าขึ้นจากด้านล่างสังเวียนไม่ขาดสาย ด่าว่าเย่หยวนนั้นไม่รู้จักประเมินตัวเอง
“เย่หยวน เจ้านั้นเก่งกาจมากความสามารถ มาถึงจุดนี้ได้เฒ่าคนนี้ย่อมกล้ายอมรับ! แต่หากเจ้าคิดจะท้าทายพวกเราทั้งสามคนพร้อมๆ กันนั้นมันจะไม่เป็นการดูถูกผู้คนมากเกินไปหน่อยหรือ?” เฉินหยู่บอก
ดูท่าแล้วเขาคงไม่พอใจอย่างมาก
ผู้อาวุโสอีกคนที่ด้านข้างเขาเองก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา มองดูเย่หยวนราวกับมีความแค้นใดกันมา
แต่เย่หยวนกลับตอบมาด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสเฉินอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ขอข้าพูดอธิบายให้จบก่อน”
เฉินหยู่ได้ยินเช่นนั้นจึงตะโกนบอก “พูดมา!”
เย่หยวนตอบกลับไป “เย่ผู้นี้ไม่ได้คิดจะดูถูกเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายเลย เหตุที่ข้าคิดทำเช่นนี้มันเพราะว่าหากเย่หยวนคนนี้บังเอิญชนะได้ข้าจะได้สามารถขอร้องเรื่องที่ต้องการได้”
เซินชางร้องบอก “เราเองก็มิใช่คนไร้เหตุผล หากเจ้าชนะได้แล้วเจ้าก็นับเป็นหนึ่งในพี่น้องเรามีอะไรอยากให้ช่วยเหลือก็แค่เปิดปากพูดเท่านั้น มีเหตุใดให้ต้องมาใช้วิธีนี้ด้วยเล่า?”
เพราะเซินชางนั้นยังชื่นชมเย่หยวนอยู่ไม่น้อย
ที่สำคัญเขายังรู้ด้วยว่าเย่หยวนนั้นมิใช่คนอวดดีอยากวางตัวเหนือหัวท่าน
เขาทำเช่นนี้มันต้องมีเหตุผลแน่ๆ
แต่การกระทำของเขานั้นมันโดดเด่นจนเกินไป มีแต่จะทำให้ผู้คนไม่ชอบใจเปล่าๆ
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “หากข้าชนะข้าอยากขอท้าประลองท่านเทพสวรรค์เปียวหยู หวังว่าท่านผู้อาวุโสทั้งหลายจะเข้าใจ”
คำพูดเดียวนี้มันทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นหนักว่าเก่า!
ทุกคนแทบลืมหายใจเมื่อได้ยินคำประกาศนี้ของเย่หยวน
“อวดดี! ช่างอวดดีเหลือเกิน! เขา…เขากลับกล้าคิดท้าทายท่านเทพสวรรค์เปียวหยู? กล้าดีอย่างไร!”
“ช่างอวดดีไม่กลัวฟ้าดิน! มันคิดว่าเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นคือใคร? มีหรือที่นภาสวรรค์ต่ำต้อยอย่างมันจะไปท้าทายท่านได้?”
“ไอ้เด็กคนนี้มันเสียสติไปแล้วแน่ๆ!”
…
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหล่าผู้นั้นทั้งหลายย่อมพ่นพิษใส่คำด่าเย่หยวนออกมาอย่างไม่คิดเกรงใจใดๆ อีก
เพราะเวลาที่ผ่านมานี้กี่ปีต่อกี่ปีมันไม่มีใครกล้าที่จะบอกว่าคิดท้าทายเทพสวรรค์เปียวหยูเลย!
อย่าว่าแต่จอมเทพโอสถห้าดาวต่ำต้อยผู้หนึ่ง แม้แต่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวคนอื่นๆ ก็ยังไม่กล้าคิดมาท้าทายเทพสวรรค์เปียวหยูผู้นี้
เฉินหยู่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าพูดอะไรออกมา?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้าย่อมทราบดีแก่ใจ เป้าหมายการเดินทางมายอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวในครั้งนี้คือหนึ่งเพื่อหาคู่ค้า สองคือเพื่อประลองฝีมือกับท่านเทพสวรรค์เปียวหยู!”
การเข้าศาลาโอสถสวรรค์นั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเย่หยวนมาแต่แรก
ด้วยพลังฝีมือของเขาการเข้าศาลาโอสถสวรรค์มานั้นมันย่อมไม่ลำบากยากเย็นใดๆ
“หึ! เจ้าเด็กไม่รู้จักประมาณตัว เจ้าคิดว่าแค่ขึ้นระดับยาฟ้ามาได่แล้วเจ้าจะเก่งกาจพอไปท้าทายท่านเปียวหยูหรือ?” เฉินหยู่ร้องบอกด้วยใบหน้าดำมืด
เย่หยวนตอบกลับไป “เช่นนั้นข้าจึงได้ท้าประลองพวกท่านทั้งสามคนพร้อมๆ กัน หากข้าชนะอย่างน้อยๆ มันก็จะแสดงฝีมือของข้าได้ใช่หรือไม่?”
ทุกคนนั้นตื่นตะลึง เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้เป้าหมายของเย่หยวน
“หึ! ต่อให้เจ้าจะชนะได้เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปท้าทายท่านเปียวหยู ยอมตัดใจจากเรื่องนี้เสียเถอะ!” ผู้อาวุโสยาฟ้าผู้หนึ่งบอกออกมา
เซินชางเองก็พูดขึ้นตาม “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าข้าจะไม่บอกหรอกว่าวันหน้าเจ้าจะไม่อาจเทียบเคียงท่านเปียวหยูได้ แต่มันย่อมยังไม่ใช่ในเวลานี้แน่”
เย่หยวนเงียบลงไปทันที สถานะของเทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมันแตกต่างจากคนทั่วๆ ไปมากจนเกินไป ในจิตใจของพวกเขาทั้งหลายเขานั้นเปรียบเหมือนเทพเจ้า
แค่จอมเทพโอสถห้าดาวคนหนึ่งมันย่อมไม่มีทางไปเทียบเคียงใดๆ กับเขาได้ในสายตาของพวกเขาทั้งหลาย
ที่ด้านล่างมันมีแต่เสียงโห่ร้องด่าทอว่าเย่หยวนไม่รู้จักฟ้าดิน
เย่หยวนเองก็ได้แต่ถอนหายใจ “เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอดื้อรั้นอีก”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไป
เฉินหยู่ขมวดคิ้วแน่น “เย่หยวน เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เย่หยวนนั้นเดินจากไปพร้อมพูดขึ้น “ข้านั้นเข้าศาลาโอสถสวรรค์มาเพื่อจะประลองกับท่านเทพสวรรค์เปียวหยู แต่ในเมื่อข้าไม่อาจสมหวังได้ข้าก็ไม่มีอะไรต้องทำในศาลาโอสถสวรรค์นี้อีกต่อไปแล้ว”
อวดดีเหลือเกิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...