“เย่หยวนนี้มีอายุแค่พันกว่าปีต่อให้มันจะเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะวิชามาตั้งแต่ในท้องแม่มันก็คงไม่มีทางจะเก่งกาจไปกว่าสามผู้อาวุโสขั้นยาฟ้าหรอกใช่ไหม?”
“ตาข้านี่มันมืดบอดเสียจริง! ชีวิตที่ผ่านมาหลายต่อหลายปีของข้าคงเสียเปล่าแล้ว!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านเปียวหยู่จึงได้ลงมาตอบรับเอง แท้จริงแล้วท่านเห็นถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของเย่หยวน!”
…
จากคำด่าว่าดูถูกจนกลายเป็นความตื่นตะลึงสุดใจ ความเข้าใจของผู้คนทั้งหลายที่มีต่อเย่หยวนนั้นมันได้ขึ้นไปถึงระดับที่สูงล้ำกว่าเก่ามาก
แต่สิ่งที่ยังขัดใจทุกผู้คนก็คือเย่หยวนนั้นยังเยาว์เกินไป!
วิชาฝีมือของนักหลอมโอสถนั้นมันเกิดขึ้นจากการบ่มเพาะหล่อหลอมความรู้อันยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์มากล้ำเพียงใดมันก็ย่อมไม่มีทางเก่งกาจได้ในเวลาอันแสนสั้น
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำลายสามัญสำนึกของพวกเขาลงสิ้น
สามผู้อาวุโสมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึงไม่อาจสรรหาคำพูดใดๆ ได้
พวกเขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเย่หยวนจะมีฝีมือที่เหนือล้ำได้มากถึงขั้นนี้
พลังฝีมือในระดับนี้ดูท่าเขาคงอยู่ในอาณาจักรเต๋ามานานแสนนานแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาก้าวไปได้ไกลเพียงใด พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจประเมินได้เลย
เมื่อพบเจอกับเย่หยวนพวกเขาทั้งสามคนนั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้มายืนอยู่ต่อหน้าไม้ใหญ่
ความรู้สึกเช่นนี้พวกเขาทั้งหลายเคยจะรู้สึกก็แค่ตอนที่พบเจอเทพสวรรค์เปียวหยู่เท่านั้น
“ผู้อาวุโสทั้งสามขอบคุณที่ชี้แนะ!” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ
คนทั้งสามนี้ย่อมมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย จะกล่าวว่าพวกเขาทั้งสามนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เย่หยวนเคยพบเจอมาในวิชาการหลอมโอสถเลยก็ว่าได้
เพราะในวิชาหลอมโอสถแล้วเย่หยวนนั้นไร้เทียมทานต่อสู้แข่งขันได้กับทุกผู้คน
แต่การร่วมมือของคนทั้งสามนี้มันทำให้เขาเหนื่อยยากไม่เบา
อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่อาจจะกดทำลายอีกฝ่ายลงได้อย่างราบคาบเหมือนที่เขาชนะยู่หยิงมา
ภายใต้แรงกดดันของเขานี้สุดท้ายแล้วคนทั้งสามจึงต้องพ่ายแพ้ลงในที่สุด
เซินชางมองดูเย่หยวนพร้อมถอนหายใจยาว “ชี้แนะ? เย่หยวน เวลานั้นเป็นสิ่งสำคัญกับทุกอาชีพวิชา คนรุ่นใหม่ย่อมที่จะก้าวขึ้นเหนือล้ำคนรุ่นเก่าและเจ้าเองก็มีพลังความรู้ฝีมือที่เหนือกว่าจะจินตนาการได้ จงพยายามต่อไป! นี่คือเหรียญยาฟ้า จากวันนี้ไปเจ้าจะกลายเป็นผู้อาวุโสแห่งศาลาโอสถสวรรค์เรา ยืนอยู่เคียงข้างพวกเรา ถึงแม้ว่าเรื่องนั้นมันอาจจะต่ำต้อยสำหรับเจ้า แต่ตำแหน่งนี้มันต้องนำพาประโยชน์ความสบายมาให้เจ้าได้แน่”
พูดไปเซินชางก็โยนเหรียญตราที่ดูเหมือนดวงดาวออกมา มันให้ความรู้สึกแสนลึกล้ำแก่ผู้พบเห็น
“ขอบพระคุณพี่เซิน!” เย่หยวนรับเหรียญไปและยกมือขึ้นคารวะ
ส่วนอีกสองคนนั้นได้แค่ยืนนิ่งอย่างที่ยังไม่อาจจะรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ได้
…
ข่าวเรื่องที่เย่หยวนแสดงพลังเหนือสามนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าดังลั่นไปทั่วทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาว
ทุกผู้คนต่างรู้ดีว่าทางศาลาโอสถสวรรค์ได้ให้กำเนิดผู้อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดมาแล้ว
และคนทั้งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวก็พูดถึงเรื่องนี้กันไม่ขาดปาก
เพราะผู้อาวุโสศาลาโอสถสวรรค์ที่มีอายุแค่พันกว่าปีนั้นมันย่อมเป็นเรื่องราวที่น่านำมาพูดต่อพอจะเป็นหัวข้อให้พูดคุยกันไปได้อีกนับปีๆ หรือนับสิบปี
แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เรื่องของเย่หยวนมันน่าสนใจมากกว่าก็คือเรื่องที่เขาท้าทายเทพสวรรค์เปียวหยู่
เพราะเวลาที่เทพสวรรค์เปียวหยู่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจเหนือใครมานี้มันนานจนไม่อาจมีใครนับได้
เรื่องฝีมือของเขานั้นย่อมไม่ต้องพูดถึง
จอมเทพโอสถเจ็ดดาวนั้นเดิมทีก็เป็นตัวตนที่เหมือนกับยอดเขาสำหรับคนทั้งหลายอยู่แล้ว
ยังไม่นับรวมว่าเทพสวรรค์เปียวอยู่ผู้นี้นั้นนับเป็นสุดยอดของจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั้งหลายด้วย
ต่อให้เย่หยวนจะชนะสามผู้อาวุโสขั้นยาฟ้าไปได้แต่การกระทำของเขานี้คนทั้งหลายก็ยังคิดว่ามันคือการประเมินตัวเองสูงจนเกินไป
แต่น่าเสียดายที่การประลองนี้มันจะไม่ถูกเปิดสู่สายตาผู้คน ผู้ที่จะสามารถเข้าไปดูการประลองได้นั้นมันมีเพียงแค่เหล่าผู้อาวุโสของศาลาโอสถสวรรค์เท่านั้น
ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวนั้นถูกสร้างขึ้นติดกันภูเขานามว่าเขาเมฆาฝันมันเป็นสถานที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกแทบทั้งปีมีความสวยงามอย่างมาก
เพียงแค่ว่ามันไม่มีใครผู้ใดกล้าย่างเท้าขึ้นไปบนเขาเมฆาฝันนี้
เพราะพวกเขาทั้งหลายรู้ดีว่าเขาเมฆาฝันนี้คือที่อยู่ของเทพสวรรค์เปียวหยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...