จากมุมมองของโลกที่หวู่เฉินบอกเล่ามาแก่เย่หยวนนั้นตัวตนอย่างเต๋าบรรพกาลนั้นมันเป็นนิรันดร์ไม่มีวันตายตกลง พวกเขานับเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกอย่างแท้จริง
พวกเขาทั้งหลายนั้นควบคุมกฎความเป็นไปของโลกเป็นตัวแทนแห่งเต๋าสวรรค์
แล้วใครกันที่จะสังหารพวกเขาลงได้?
แต่ตอนนี้มันกลับมีข่าวว่าเต๋าบรรพกาลเองก็ตายลง
เรื่องนี้มันย่อมทำให้เย่หยวนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ
เจียนเฟิงฉีนั้นเป็นลูกสาวของเจียนซู่เทา คำพูดนี้มันย่อมจะมาจากปากของเขาแล้ว
ด้วยตำแหน่งอย่างเจียนซู่เทาแล้วมีหรือที่เขาจะเอาเรื่องราวข่าวโคมลอยออกมาพูดต่อเช่นนั้น?
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนเจียนหงเซียวก็ยิ้มตอบกลับมา “หึๆ สีหน้าของเจ้านี้มันไม่ต่างจากข้าเมื่อตอนได้ยินครั้งแรกเลย คิดไปแล้วดูท่าท่านซู่เทาเองก็น่าจะทราบเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน”
เย่หยวนยิ้มออกมา “เจ้าสนามรบเทพโบราณนี้ดูท่า… ชักน่าสนใจมากขึ้นทุกทีแล้ว”
ระหว่างที่คนทั้งสองนั้นกำลังพูดคุยกันไปก็มีคนรับใช้เดินเข้ามารายงานว่าเจียนห่าวได้นำตัวเจียนหยุนเดินทางมาขอพบ
เย่หยวนและเจียนหงเซียวหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและเป็นทางเจียนหงเซียวที่พูดขึ้น “ดูท่าเจียนห่าวจะมาเพื่อขอโอสถแล้ว เราจะช่วยเขาดีหรือไม่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เรื่องนั้นย่อมล้วนแล้วขึ้นอยู่กับตัวเขา ข้าขอฝากท่านจัดการด้วย ก่อนอื่นข้าคงต้องหลบหน้าเขาไปก่อน”
…
เจียนห่าวที่ท่าทางอิดโรยได้นำตัวเจียนหยุนผู้ตาบอดเดินเข้ามาในโถงรับแขก
เมื่อได้เห็นเจียนหงเซียวเจียนห่าวก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาพักหนึ่งก่อนที่สุดท้ายจะเลือกก้มหน้าลงให้แก่เจียนหงเซียว “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสเจียนหงเซียว”
เจียนหงเซียวนั้นยังคงนั่งเฉยโดยไม่คิดจะตอบกลับใดๆ ไป
เพราะคนทั้งสองนั้นมีประวัติกันมาอย่างยาวนานหลายหมื่นปี ตอนนั้นที่เจียนหงเซียวร่วงตกลงสู่พื้นดิน คนที่เหยียบย้ำซ้ำเขามากที่สุดมันก็คือตัวเจียนห่าว
ตอนนี้จะให้เขามาต้อนรับเจียนห่าวด้วยความสงบมันคงจะเป็นคำขอที่มากเกินไป
เจียนห่าวนั้นมีสีหน้าสุดแสนอึดอัดแต่ก็ไม่กล้าที่จะเดินจากไป
เพราะเขานั้นมีแต่ต้องลดศักดิ์ศรีของตนเองลงและมาขอให้เจียนหงเซียวช่วยลูกชายของเขา
เพราะตัวเจียนหงเซียวนั้นสามารถหาโอสถหกชีพจรดวงดาวมาได้มันย่อมจะหมายความว่าเขารู้จักผู้ที่สามารถหลอมโอสถนี้ได้
และดวงตาของลูกชายเขานี้มันจะรักษาได้ด้วยโอสถหกชีพจรดวงดาวเท่านั้น
เจียนหงเซียวนั้นยกชาขึ้นจิบอย่างไม่คิดสนใจคนทั้งสองนี้เลย
ในตอนนั้นที่เขารับแรงสะท้อนจากเต๋าสวรรค์และบาดเจ็บหนักนั้นเขาต้องนอนเจ็บไม่อาจลุกไปไหนได้นับสิบๆ ปีแม้จะกินโอสถลงไปแล้วก็ตามแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่รักษาชีวิตเอาไว้
ในเวลานั้นเจียนห่าวได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสไปแทนตัวเขาและยังคิดสั่งลงโทษประหารตัวเขาลงด้วย
การที่เขาถูกไล่ออกไปยังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเจียนห่าวที่พยายามกดดัน
เพราะฉะนั้นความเสียมารยาทเช่นนี้มันจึงไม่นับว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายเสียด้วยซ้ำ
เจียนห่าวกัดฟันแน่นพร้อมคุกเข่าลง “ผู้อาวุโสหงเซียว เจียนห่าวรู้ดีว่าตนนั้นทำเรื่องเลวร้ายกับท่านไว้มาก แต่ข้านั้นมีลูกชายแค่คนเดียวข้าไม่อยากเห็นเขาต้องมาพิการลงไปต่อหน้า ข้าขอร้องให้ท่านช่วยเหลือด้วย!”
แม้ว่าเจียนหยุนที่ด้านข้างนั้นจะตาบอดลงไปแล้วแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าพ่อของตนกำลังคุกเข่าทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันที “พ่อ…เหตุใดท่านจึงต้องคุกเข่าให้มันด้วย?”
“หุบปาก! เจ้าเองก็คุกเข่าลงขอโทษผู้อาวุโสหงเซียวเดี๋ยวนี้!” เจียนห่าวร้องสั่ง
เจียนหยุนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่ยืนผงะไม่อาจจะทำใจยอมรับความอับอายที่ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเจียนหงเซียวได้
เขานั้นเกลียดชังเจียนหงเซียวอย่างมากที่ทำนายว่าชีวิตของเขานั้นไม่ได้มีค่าใดมากมาย
ปัง!
เจียนห่าวขยับนิ้วเข้าใจทำให้ร่างของเจียนหยุนทรุดลงทันที
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจียนห่าวตวาดด่า “เจ้าลูกโง่ ผู้อาวุโสหงเซียวนั้นเป็นคนผู้เดียวที่จะช่วยเจ้าได้ในเวลานี้! หรือว่าเจ้าคิดอยากตาบอดไปตลอดชีวิต!”
เจียนหยุนนั้นสะดุ้งขึ้นทันทีก่อนจะเลิกคิดลังเลใดๆ
เขานั้นไม่อยากจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต
เมื่อเห็นพ่อลูกทั้งสองคุกเข่าลงเช่นนั้นทางเจียนหงเซียวจึงเริ่มพูดขึ้น “เอาล่ะ เจียนห่าว คำขอโทษของเจ้านั้นข้าจะรับไว้ แต่… เรื่องดวงตาของเจียนหยุนข้าเองก็ไม่อาจรับปากช่วยเจ้าได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...