จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1964

สรุปบท ตอนที่ 1964 นี่เจ้าล้อข้าเล่น?: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1964 นี่เจ้าล้อข้าเล่น? – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1964 นี่เจ้าล้อข้าเล่น? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จากมุมมองของโลกที่หวู่เฉินบอกเล่ามาแก่เย่หยวนนั้นตัวตนอย่างเต๋าบรรพกาลนั้นมันเป็นนิรันดร์ไม่มีวันตายตกลง พวกเขานับเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกอย่างแท้จริง

พวกเขาทั้งหลายนั้นควบคุมกฎความเป็นไปของโลกเป็นตัวแทนแห่งเต๋าสวรรค์

แล้วใครกันที่จะสังหารพวกเขาลงได้?

แต่ตอนนี้มันกลับมีข่าวว่าเต๋าบรรพกาลเองก็ตายลง

เรื่องนี้มันย่อมทำให้เย่หยวนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ

เจียนเฟิงฉีนั้นเป็นลูกสาวของเจียนซู่เทา คำพูดนี้มันย่อมจะมาจากปากของเขาแล้ว

ด้วยตำแหน่งอย่างเจียนซู่เทาแล้วมีหรือที่เขาจะเอาเรื่องราวข่าวโคมลอยออกมาพูดต่อเช่นนั้น?

เมื่อได้เห็นสีหน้าของเย่หยวนเจียนหงเซียวก็ยิ้มตอบกลับมา “หึๆ สีหน้าของเจ้านี้มันไม่ต่างจากข้าเมื่อตอนได้ยินครั้งแรกเลย คิดไปแล้วดูท่าท่านซู่เทาเองก็น่าจะทราบเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน”

เย่หยวนยิ้มออกมา “เจ้าสนามรบเทพโบราณนี้ดูท่า… ชักน่าสนใจมากขึ้นทุกทีแล้ว”

ระหว่างที่คนทั้งสองนั้นกำลังพูดคุยกันไปก็มีคนรับใช้เดินเข้ามารายงานว่าเจียนห่าวได้นำตัวเจียนหยุนเดินทางมาขอพบ

เย่หยวนและเจียนหงเซียวหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและเป็นทางเจียนหงเซียวที่พูดขึ้น “ดูท่าเจียนห่าวจะมาเพื่อขอโอสถแล้ว เราจะช่วยเขาดีหรือไม่?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เรื่องนั้นย่อมล้วนแล้วขึ้นอยู่กับตัวเขา ข้าขอฝากท่านจัดการด้วย ก่อนอื่นข้าคงต้องหลบหน้าเขาไปก่อน”

เจียนห่าวที่ท่าทางอิดโรยได้นำตัวเจียนหยุนผู้ตาบอดเดินเข้ามาในโถงรับแขก

เมื่อได้เห็นเจียนหงเซียวเจียนห่าวก็แสดงสีหน้าลังเลออกมาพักหนึ่งก่อนที่สุดท้ายจะเลือกก้มหน้าลงให้แก่เจียนหงเซียว “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสเจียนหงเซียว”

เจียนหงเซียวนั้นยังคงนั่งเฉยโดยไม่คิดจะตอบกลับใดๆ ไป

เพราะคนทั้งสองนั้นมีประวัติกันมาอย่างยาวนานหลายหมื่นปี ตอนนั้นที่เจียนหงเซียวร่วงตกลงสู่พื้นดิน คนที่เหยียบย้ำซ้ำเขามากที่สุดมันก็คือตัวเจียนห่าว

ตอนนี้จะให้เขามาต้อนรับเจียนห่าวด้วยความสงบมันคงจะเป็นคำขอที่มากเกินไป

เจียนห่าวนั้นมีสีหน้าสุดแสนอึดอัดแต่ก็ไม่กล้าที่จะเดินจากไป

เพราะเขานั้นมีแต่ต้องลดศักดิ์ศรีของตนเองลงและมาขอให้เจียนหงเซียวช่วยลูกชายของเขา

เพราะตัวเจียนหงเซียวนั้นสามารถหาโอสถหกชีพจรดวงดาวมาได้มันย่อมจะหมายความว่าเขารู้จักผู้ที่สามารถหลอมโอสถนี้ได้

และดวงตาของลูกชายเขานี้มันจะรักษาได้ด้วยโอสถหกชีพจรดวงดาวเท่านั้น

เจียนหงเซียวนั้นยกชาขึ้นจิบอย่างไม่คิดสนใจคนทั้งสองนี้เลย

ในตอนนั้นที่เขารับแรงสะท้อนจากเต๋าสวรรค์และบาดเจ็บหนักนั้นเขาต้องนอนเจ็บไม่อาจลุกไปไหนได้นับสิบๆ ปีแม้จะกินโอสถลงไปแล้วก็ตามแต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่รักษาชีวิตเอาไว้

ในเวลานั้นเจียนห่าวได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสไปแทนตัวเขาและยังคิดสั่งลงโทษประหารตัวเขาลงด้วย

การที่เขาถูกไล่ออกไปยังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเจียนห่าวที่พยายามกดดัน

เพราะฉะนั้นความเสียมารยาทเช่นนี้มันจึงไม่นับว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายเสียด้วยซ้ำ

เจียนห่าวกัดฟันแน่นพร้อมคุกเข่าลง “ผู้อาวุโสหงเซียว เจียนห่าวรู้ดีว่าตนนั้นทำเรื่องเลวร้ายกับท่านไว้มาก แต่ข้านั้นมีลูกชายแค่คนเดียวข้าไม่อยากเห็นเขาต้องมาพิการลงไปต่อหน้า ข้าขอร้องให้ท่านช่วยเหลือด้วย!”

แม้ว่าเจียนหยุนที่ด้านข้างนั้นจะตาบอดลงไปแล้วแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าพ่อของตนกำลังคุกเข่าทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันที “พ่อ…เหตุใดท่านจึงต้องคุกเข่าให้มันด้วย?”

“หุบปาก! เจ้าเองก็คุกเข่าลงขอโทษผู้อาวุโสหงเซียวเดี๋ยวนี้!” เจียนห่าวร้องสั่ง

เจียนหยุนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่ยืนผงะไม่อาจจะทำใจยอมรับความอับอายที่ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเจียนหงเซียวได้

เขานั้นเกลียดชังเจียนหงเซียวอย่างมากที่ทำนายว่าชีวิตของเขานั้นไม่ได้มีค่าใดมากมาย

ปัง!

เจียนห่าวขยับนิ้วเข้าใจทำให้ร่างของเจียนหยุนทรุดลงทันที

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจียนห่าวตวาดด่า “เจ้าลูกโง่ ผู้อาวุโสหงเซียวนั้นเป็นคนผู้เดียวที่จะช่วยเจ้าได้ในเวลานี้! หรือว่าเจ้าคิดอยากตาบอดไปตลอดชีวิต!”

เจียนหยุนนั้นสะดุ้งขึ้นทันทีก่อนจะเลิกคิดลังเลใดๆ

เขานั้นไม่อยากจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต

เมื่อเห็นพ่อลูกทั้งสองคุกเข่าลงเช่นนั้นทางเจียนหงเซียวจึงเริ่มพูดขึ้น “เอาล่ะ เจียนห่าว คำขอโทษของเจ้านั้นข้าจะรับไว้ แต่… เรื่องดวงตาของเจียนหยุนข้าเองก็ไม่อาจรับปากช่วยเจ้าได้”

คนที่เขาต้องการพบนั้นคืออาจารย์ท่านนั้นมิใช่เด็กน้อยคนนี้!

“พ่อ เป็นอะไรไปหรือ?” เจียนหยุนที่ตาบอดได้แต่ถามขึ้น

เจียนห่าวร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ “มันคิดล้อเล่นเหยียดหยามเราสองพ่อลูก นี่มันมิใช่อาจารย์ที่ไหนเลย มันคือเจ้าเด็กที่ทำให้ดวงตาของเจ้าต้องกลายเป็นเช่นนี้!”

“หะ?!” เจียนหยุนที่ได้ยินก็หน้าแดงก่ำขึ้นตาม

เจียนหงเซียวนั้นยิ้มตอบกลับไปด้วยท่าทางสบายใจ “เขานี่แหละคืออาจารย์ที่พวกเจ้าอยากพบ”

เจียนห่าวนั้นย่อมไม่คิดจะเชื่อและตอบกลับไป “เลิกพูดจาไร้สาระเสียที! เจ้าคิดว่าข้าโง่มากหรือ? ด้วยอายุเท่านี้อย่าว่าแต่จะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวเลย! แค่เรียนพื้นฐานวิชาการโอสถได้ก็เก่งกาจมากแล้ว! ต่อให้มันจะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวได้มีหรือที่จะหลอมโอสถหกชีพจรดวงดาวขึ้นมาได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้!”

แต่เจียนหงเซียวกลับส่ายหัวออกมา “ข้าเองก็ไม่ได้ว่างพอจะมาล้อพวกเจ้าเล่นหรอกนะ โอสถหกชีพจรดวงดาวที่ข้ากินไปนั้นเย่หยวนเป็นคนหลอมขึ้นมาจริง ที่ข้านำพาเขาเดินทางมายังยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เองก็เพื่อที่จะขอสูตรโอสถหกชีพจรดวงดาวจากท่านเจ้าเมือง ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าข้าจะไปหาโอสถหกชีพจรดวงดาวได้จากที่ไหนในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้เล่า?”

คำพูดทั้งหลายนั้นมันเริ่มทำให้เจียนห่าวได้สติกลับมา

เพราะการกลับมาของเจียนหงเซียวนี้มันดูแปลกๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว

ในเวลากว่าหนึ่งแสนปีนี้เขาไม่เคยจะเดินทางกลับมาแม้แต่ครั้ง

เมื่อคิดได้ว่าคนที่ทำให้เจียนหยุนตาบอดนั้นคือใคร เขาก็เริ่มมองเห็นความไปได้ที่เย่หยวนคนนี้จะเป็นยอดคนผู้มีดวงชะตาเจิดจ้า

เมื่อนำเรื่องราวทั้งหลายนี้มารวมกันเขาก็เริ่มจะเห็นถึงความเป็นไปได้ขึ้นมา!

แต่เจ้าเด็กคนนี้มันมีอายุเพียงแค่พันกว่าปี ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ไม่น่าจะหลอมโอสถหกชีพจรดวงดาวขึ้นมาได้

เพราะหากมันเป็นไปจริงมันก็คงเหลือเชื่อจนเกินไป

เจียนห่าวได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าลังเล

“ท…ท่านอาจารย์ อย่าได้ว่าข้าเลย มันแค่…มันแค่ยากที่จะเชื่อเกินไปหน่อย” เจียนห่าวบอก

เย่หยวนตอบกลับมา “ไม่ต้องกังวล แม้ว่านิสัยของเจียนหยุนนั้นมันจะเหลือทนแต่ความผิดของเขาก็ไม่ได้นับว่าร้ายแรงถึงขั้นนี้ ในเมื่อผู้อาวุโสหงเซียวท่านไม่ได้คิดติดใจใดกับพวกเจ้าแล้ว ข้าเองก็ย่อมไม่คิด ข้าจะช่วยหลอมโอสถให้ก็ย่อมได้ แต่สมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนั้นพวกเจ้าต้องเป็นผู้เตรียมมาเอง”

เจียนห่าวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา “ขอบคุณมากท่านอาจารย์!”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ