ปัง!
เย่หยวนต่อยหมัดออกมาทำลายร่างของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้นั้นลงอย่างง่ายดาย
การปิดล้อม?
เรื่องเช่นนั้นมันไม่มีอยู่จริง!
เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนั้นย่อมไม่อาจต้านทานพลังของเย่หยวนได้ พวกมันไม่มีพลังมากพอที่จะขัดขวางเขาได้เสียด้วยซ้ำ
“เฮ้อ หากข้ารู้มาก่อนข้าคงขอติดตามเขาไปแล้ว ต้องมาเจอกับเหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ผู้บ่มเพาะกายมันย่อมได้เปรียบจนมากล้ำ”
“ใช่ไหมเล่า แต่มันก็สายไปแล้ว”
…
เหล่าคนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศต่างแสดงสีหน้าท่าทางหมดหมองเสียใจออกมาส่วนซงหยูนั้นกลับมีใบหน้าที่แดงก่ำ
การเดินออกไปของเย่หยวนในครั้งนี้มันราวกับว่าเขานั่งหลังม้าขมดอกไม้ริมทาง ไม่มีท่าทางของความลำบากใดๆ
ไม่นานนักตัวเขาก็ได้เดินนำกลุ่มคนกลุ่มแรกออกไป
ระหว่างที่เหล่าคนทั้งหลายนั้นกำลังถูกวิญญาณต่อสู้ปิดล้อมไม่อาจเดินหน้าได้ ตัวเย่หยวนก็ค่อยๆ เดินผ่านทุกผู้คนไป
“เลิกนั่งโง่เสียที! หากยังไม่รีบออกไปสมบัติคงโดนผู้อื่นแย่งชิงหมดแล้ว!” ซงหยูร้องบอก
คำพูดเดียวนี้มันทำให้คนทั้งหลายได้สติกลับมาในทันทีและเริ่มเดินทางเข้าสู่สนามรบเทพโบราณที่แท้จริง
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นได้จับกลุ่มเดินทางกันไปก่อนหน้าทำลายวิญญาณต่อสู้ไปมากมายทำให้การเดินทางของพวกเขาทั้งหลายนั้นรวดเร็วไม่น้อย
แต่ทางเย่หยวนที่ออกตัวมาช่วงกลางๆ ในตอนนี้เขาได้เดินนำหน้าทุกผู้คนไปเสียแล้ว
และที่ใดที่เขาผ่าน เหล่ากลุ่มยอดฝีมือที่เห็นต่างต้องตกตะลึง
และแน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นรู้สึกอิจฉา
แม้ว่าการบ่มเพาะกายนั้นมันจะเป็นสิ่งที่สุดแสนลำบากแต่ในเวลานี้มันย่อมกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“หืม?”
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปมองร่างโครงกระดูกที่นอนอยู่บนเนินดินห่างออกไปไม่น้อย
เมื่อมองดูดีๆ แล้วดูท่าเหล่าโครงกระดูกนี้เองก็คงเป็นเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาจากรอบก่อนๆ
ตัวตนที่สามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้กลับต้องมาตายลงในสถานที่รกร้างเช่นนี้
เย่หยวนหันหน้าเดินเข้าไปยังเนินดินนั้นในทันที
“หืม เจ้าผู้บ่มเพาะกายมันทำอะไรกัน? ทางนั้นมันมีวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้อยู่ไม่น้อยเลยนะ!”
ตอนนี้ตัวตนของเย่หยวนย่อมจะกลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนทำให้พวกเขาทั้งหลายเป็นความเปลี่ยนแปลงของเย่หยวนได้อย่างรวดเร็ว
เหล่าวิญญาณต่อสู้บนเนินดินนั้นมันย่อมดูแข็งแกร่งกว่าจุดอื่นๆ อย่างเด่นชัดด้วยคลื่นพลังของวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้ที่ไปรวมตัวกันอยู่ตรงจุดนั้น
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะสนใจ เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนี้ส่วนมากเป็นแค่เทพถ่องแท้ ย่อมจะไม่อาจเป็นภัยใดๆ ต่อตัวเย่หยวนได้
เมื่อเขาเดินมาถึงเขาก็สามารถทำลายพวกมันลงได้ด้วยหมัดเดียวอีกเช่นเคย
ไม่นานนักเย่หยวนก็เดินมาถึงโครงกระดูกทั้งหลายนั้น
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหยิบจับแหวนเก็บของทั้งหลายที่ตกอยู่ตามพื้นรอบๆ โครงกระดูกขึ้นมา
เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนี้ย่อมจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา สิ่งของที่พวกเขาพกติดตัวมันย่อมล้ำค่าเย่หยวนจึงคิดเก็บไปอย่างไม่เกรงใจ
เมื่อกลุ่มอื่นๆ เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางอิจฉาริษยาออกมา
ไม่แปลกใจเลยว่าเขาผู้นี้จะมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ
เพราะเขาผู้นี้เดินไปทางใดก็ได้สมบัติติดมือไป!
เมื่อเก็บแหวนทั้งหลายนั้นแล้วเย่หยวนก็เงยหน้าขึ้นมาต่อยหมัดลงอีกครั้งส่งผลให้เกิดหลุมยักษ์บนเนินดิน
จากนั้นเขาก็สะบัดแขนส่งร่างที่เหลือเพียงโครงกระดูกทั้งหลายลงสู่หลุม
“พวกเจ้าทั้งหลายนั้นอับชะตา ข้าจะให้พวกเจ้าได้พักผ่อนเสียแล้วกัน”
เย่หยวนบอกพร้อมยกมือส่งดินลงฝังกลบร่างทั้งหลายนั้น
แต่จู่ๆ เย่หยวนก็ต้องรู้สึกสะท้านเพราะเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆ ของบางสิ่ง
“เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนั้นย่อมรู้ดีว่าที่แห่งนี้มันอันตรายแต่ก็ยังคิดเดินขึ้นมา มันย่อมต้องมีเหตุ!” เย่หยวนคิด
นั่นทำให้สายตาของเขาจ้องมองขึ้นไปที่สุดยอดของเนินดินแม้ว่าบนนั้นมันจะถูกปกคลุมไปด้วยวิญญาณต่อสู้นับไม่ถ้วนจนไม่อาจเห็นถึงสิ่งที่อยู่บนนั้นได้
“หืม? เขาคิดจะทำอะไรกัน?”
ระหว่างที่ทุกผู้คนยังไม่อาจเข้าใจได้เย่หยวนก็ก้าวเท้าเดินออกไป
ยิ่งขึ้นไปสูง เหล่าวิญญาณต่อสู้ก็ยิ่งจะแข็งแกร่งขึ้น
หากเย่หยวนขึ้นไปมากกว่านี้มันจะมิใช่การรนหาที่ตายเอาหรือ?
เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายบนนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นถึงระดับเทพถ่องแท้สองดาว!
ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างไรเสียสุดท้ายแล้วเขาจะต้านทานพลังของเทพถ่องแท้สองดาวได้หรือ?
แต่เย่หยวนกลับเดินขึ้นไปอย่างไม่สะท้าน
เมื่อเดินขึ้นไปเหล่าวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวมันก็ยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจใช้หมัดเดียวเปิดทางจนทำให้เหล่าวิญญาณต่อสู้ต้องร่ำร้อง
เมื่อเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาที่ด้านล่างทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้แต่ตื่นตะลึงอย่างไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...