อิจฉา ริษยา เกลียดชัง
นั่นคือความรู้สึกของเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายในเวลานี้
มันมีคนเก็บชิงสมบัติอยู่ตรงหน้าแต่พวกเขาทั้งหลายกลับต้องรับมือกับวิญญาณต่อสู้อย่างไม่อาจยั้งมือได้
มันย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกปวดใจ
แต่พวกเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้!
เพราะด้วยเกราะศึกรุ้งเขียวของเย่หยวนนั้นมันยิ่งทำให้เขาสามารถเดินผ่านกลุ่มวิญญาณต่อสู้ไปได้อย่างง่ายดายกว่าเก่า
ต่อให้จะเป็นวิญญาณต่อสู้เทพถ่องแท้หนึ่งดาวก็ไม่อาจจะแตะต้องตัวเขาได้
สนามรบเทพโบราณนี้มันย่อมมีสมบัติอยู่ทุกหนแห่ง เย่หยวนนั้นได้หยิบทั้งวัตถุดิบ สมบัติเลิศล้ำ วรยุทธ์บ่มเพาะ วิชาลับและสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ทว่าสุดท้ายแล้วพื้นที่บริเวณนี้มันก็ยังเป็นเพียงแค่ส่วนนอกของสนามรบเทพโบราณเท่านั้น สมบัติทั้งหลายที่เขาเก็บได้มามันจึงเป็นเพียงแค่สมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำหรือสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำ
เจ้าเกราะศึกรุ้งเขียวที่เย่หยวนได้มานี้มันนับว่าเป็นสิ่งของที่สุดแสนจะหายากในพื้นที่
เพราะเหตุนั้นเองมันจึงทำให้ทุกผู้คนรู้สึกอิจฉาเขาขึ้นมาจับใจ
เหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายนั้นย่อมเกิดมาในตระกูลค่ายสำนักสูงส่ง สมบัติเทพถ่องแท้ที่พวกเขามีติดตัวนั้นย่อมไม่น้อย
แต่กับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์แล้วมันเป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง แม้จะเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ที่ต่ำต้อยที่สุดมันก็ยังมิใช่สิ่งที่พวกเขาจะครอบครองได้
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นั้นหากถูกนำไปวางในโลกภายนอกแล้วมันคงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาได้
แต่จู่ๆ ดวงตาของเย่หยวนก็ต้องหรี่ลงเพราะตอนนี้เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายต่างถอยร่นกลับไปด้านหลัง
เหล่าวิญญาณต่อสู้ทั้งหลายนั้นมันแสดงท่าทางเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่างจนต้องถอยกลับไป
“ให้ตายสิ กว่าจะออกมาได้!”
“มันมีวิญญาณต่อสู้อยู่มากมายเพียงใดกัน! มียอดฝีมือมากมายขนาดไหนที่ตายลงในศึกครั้งนั้นกัน!”
“ใครจะไปรู้เรื่องนั้นได้! แต่ดูท่าแล้วมันคงมีเทพถ่องแท้อยู่มากกว่าหมื่นคนแน่ที่ตายลง!”
…
จากนั้นกลุ่มคนทั้งหลายก็ค่อยๆ เดินทางกันมาจนถึงจุดที่วิญญาณต่อสู้ไม่คิดตามติดมาและได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ต่อให้พวกเขาจะร่วมกลุ่มกันต่อสู้แต่มันก็ยังมีเด็กแห่งโชคชะตาหลายต่อหลายคนที่ต้องตายลงด้วยน้ำมือของเหล่ากองทัพวิญญาณต่อสู้นั้น
ทางด้านยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนั้นพวกเขาเสียกำลังไปถึงสองคนแล้ว
ตอนนี้เมื่อนับรวมเย่หยวนเข้าไปด้วยยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศก็เหลือจำนวนคนเพียงแค่เจ็ดคน
ซงหยูที่ตามมาจนทันเย่หยวนรีบเข้ามาพูดใส่เย่หยวนทันที “เย่หยวน ส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาเสีย!”
สำหรับพวกเขาทั้งหลายแล้วสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ย่อมจะเป็นสมบัติชิ้นยิ่งใหญ่
ตราบเท่าที่ซงหยูได้รับสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้เขาก็มั่นใจว่าตัวเขาจะต้องสามารถบรรลุขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่คิดสนใจเขา
ตอนนี้สายตาของเย่หยวนกำลังจ้องมองเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกลตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
ภายหน้าของเขานั้นเป็นฝุ่นควันหนา ปกติแล้วด้วยพลังสายตาของเขาแล้วเย่หยวนย่อมจะเห็นไปได้ไกลนับหมื่นๆ กิโลเมตร
เมื่อได้เห็นว่าเย่หยวนไม่คิดตอบสนองใดๆ ซงหยูก็ขมวดคิ้วแน่น “ข้าพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”
ในเวลานั้นเองที่ด้านหลังก็ปรากฏเงาร่างขึ้นมาอีกหลายเงาที่ค่อยๆ เดินเข้ามาล้อมรอบเย่หยวนไว้
พวกเขาทั้งหลายนี้ล้วนเป็นเทพถ่องแท้สามดาวทั้งสิ้น!
“หึ รัศมีผ่าจักรพรรดิเองก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตใดหรอก ส่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาเสีย” ชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งบอกต่อเย่หยวน
“เข้าสนามรบเทพโบราณมานี้ชะตาใดๆ มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลัง” ชายวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งพูดขึ้น
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะแสดงพลังฝีมือที่เหนือล้ำเพียงใดออกมาในสนามรบเทพโบราณแห่งนี้มันก็ย่อมไม่ทำให้เหล่าเทพถ่องแท้สามดาวทั้งหลายนี้สั่นกลัวไปได้
ด้วยพลังของพวกเขาทั้งหลายแล้วตัวพวกเขาเองก็ย่อมจะจัดการกับกองทัพวิญญาณต่อสู้นั้นได้ไม่ยากนักเช่นกัน
พลังของเทพถ่องแท้สามดาวนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เทพถ่องแท้สองดาวจะมาเทียบเคียงได้
เย่หยวนหันหน้ากลับมามองดูใบหน้าผู้คนทั้งหลายก่อนจะยิ้มตอบไป “คิดอยากได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์? เช่นนั้นก็เข้ามาเอาไปเองสิ!”
“หึ เจ้าคิดว่าตัวเองมีรัศมีผ่าจักรพรรดิแล้วเก่งกาจเหนือฟ้าดินหรือ? ที่แห่งนี้มันไม่ได้มีแค่เจ้าหรอกที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ! ตัวข้าซัวโม่ผู้นี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น!” ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นบอก
“แค่รัศมีผ่าจักรพรรดิ! ตัวข้าเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แล้วเจ้ายังจะคิดให้พวกเราลงมือเอามาเองอีกหรือ?” ชายอีกคนกล่าวเสริม
เมื่อนับรวมซงหยูเข้าไปแล้วตอนนี้มันมีสี่คนที่กำลังล้อมตัวเย่หยวนไว้อยู่ พวกเขาทั้งหลายนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเทพถ่องแท้สามดาวสิ้น
ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรเย่หยวนก็ย่อมไม่มีโอกาสชนะได้
ส่วนผู้คนทั้งหลายที่มุงดูอยู่ไม่ห่างนั้นก็ต้องสั่นสะท้านขึ้นมาเพราะพวกเขาทั้งหลายไม่เคยรู้เลยว่าคนทั้งสองนี้เองก็มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเช่นกัน
มีรัศมีผ่าจักรพรรดิและมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำเช่นนี้มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะพูดจาโอหังเช่นนั้นออกมา
ส่วนอีกด้านทางเย่หยวนนั้นในสายตาของทุกผู้คนแล้วตัวเขาประเมินตัวเองสูงจนเกินไป
เย่หยวนกล่าวออกมา “ช่างไร้สาระจริง หากเจ้าไม่เริ่ม ข้าจะลงมือก่อนแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...