จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1973

เมื่อเย่หยวนพุ่งมาถึงร่างของเฉียนเฟิงก็ถูกสูบจนแห้งไปเสียแล้ว

และเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที

ซงหยูและพวกมองดูที่ร่างของเฉียนเฟิงนั้นด้วยใบหน้าซีดเผือด

หากเจ้าเงาร่างตนนั้นมันติดตามด้านหลังพวกเขาคนอื่นและเย่หยวนไม่ทันสังเกตเห็นมันก่อน เรื่องราวผลลัพธ์ที่ตามมามันคงยากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้

การสูบเลือดนี้มันสุดแสนที่จะรวดเร็วอย่างที่พวกเขาไม่อาจขยับตัวป้องกันใดๆ ได้

ที่สำคัญเจ้าสิ่งนั้นมันยังติดตามหลังพวกเขามาอย่างที่ไม่มีใครทันรู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

เพียงแค่ว่า เย่หยวนเห็นมันได้อย่างไร?

พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมไม่มีทางจะเห็นได้เลยว่าเมื่อสักครู่นี้เย่หยวนอยู่ไกลหรือใกล้มากเพียงใด แต่เย่หยวนกลับสามารถมองมาเห็นเงาร่างที่ติดตามด้านหลังพวกเขามาได้

เขาคนนี้ทำได้อย่างไร?

ทุกผู้คนต่างมึนงงและสับสนมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง

“เย่หยวน เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่?” ซงหยูถามขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดๆ

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้าเองก็เห็นมันไม่ชัดนัก รู้แค่ว่ามันเป็นเงาสีเขียวที่มีความเร็วเหนือล้ำ!”

หลังจากบอกเช่นนั้นเย่หยวนก็รีบเข้าไปตรวจดูร่างของเฉียนเฟิงและพบว่าที่ด้านหลังต้นคอของเขานั้นมันมีร่องรอยถูกแทงน้อยๆ ราวกับเป็นรอยของเข็ม

และในส่วนอื่นของร่างกายมันไม่มีบาดแผลใด

ตอนนี้กลุ่มอื่นๆ เองก็กำลังเจอสภาพไม่ต่างกันนัก พวกเขาทั้งหลายเสียสมาชิกไปกับการถูกดูดจนแห้ง

บางทีมนั้นถึงขั้นเสียไปหลายผู้คนก่อนที่จะมีคนรู้ตัวขึ้นมา

แต่จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครเห็นร่างนั้นอย่างชัดเจน

ในตอนนี้ทุกผู้คนทั้งหลายต่างรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่เข้ามาเยือน

นั่นทำให้กั๋วจิงหยางต้องร้องทักเย่หยวนขึ้น “เย่หยวน ทำไมเจ้า… ไม่เดินทางไปกับพวกเราเล่า?”

“เย่หยวน เดิมทีแล้วมันล้วนเป็นความผิดพวกเราทั้งหลายแต่สุดท้ายทุกคนก็ล้วนเดินทางมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศด้วยกันสิ้น ถือเสียว่าพวกเราเป็นคนจากบ้านเดียวกัน เจ้าอย่าทอดทิ้งพวกเราไปเลย!” หม่าฉางพูดขึ้นตาม

พวกเขานั้นได้รับรู้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าเย่หยวนผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่ตาเห็น

ระหว่างทางมามันมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากมาย

เขานั้นมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ติดตัวถึงสองชิ้นและยังสามารถต่อสู้กับเทพถ่องแท้สามดาวถึงสี่คนพร้อมๆ กันได้ พร้อมด้วยพลังการป้องกันของเขาที่แข็งแกร่งจนไม่อาจหาช่องว่างได้

ตอนนี้เมื่อมีเรื่องของเจ้าเงาสีเขียวเข้ามาเย่หยวนก็ยังเป็นคนแรกที่รับรู้ถึงตัวตนของมัน

หากมิใช่เพราะเย่หยวนเห็นและร้องเตือนขึ้นมาก่อนเจ้าเงาสีเขียวนั้นอาจจะเข้ามาดูดเลือดของพวกเขาไปทีละคนอย่างไม่มีใครรู้ตัวก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นการเดินทางไปกับเย่หยวนจึงนับว่าเป็นเส้นทางที่ฉลาดที่สุดในตอนนี้

เมื่อมีคนนำแล้วมันก็ย่อมจะมีคนตาม คนที่เหลือทั้งสามเองรวมไปถึงตัวหลิวยี่ก็รีบพูดขึ้นตาม ขอร้องให้เย่หยวนเข้าร่วมกลุ่มเดินทางไปด้วย

ซงหยูที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ทำใบหน้าเหยเก

เพราะตอนนี้ตัวเขานั้นเป็นผู้นำของกลุ่ม แต่กลับไม่มีใครคิดจะเห็นหัวเขาเลย

เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นเพราะซงหยูคนนี้มันเอาแต่จะทำให้เรื่องราวยุ่งยาก ตอนนี้เย่หยวนนั้นไม่คิดอยากจะร่วมกลุ่มกับคนเช่นนี้เลย

แต่สุดท้ายแล้วทุกผู้คนก็ล้วนมาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศ หากพวกเขาทั้งหลายนี้ตายลงจนสิ้นมันก็คงทำให้เย่หยวนรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อย

ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือเรื่องที่ภายในม่านหมอกฝุ่นนี้มันเปี่ยมไปด้วยอันตราย เย่หยวนคิดว่าหากพวกเขารวมตัวกันไว้ก่อนมันย่อมจะปลอดภัยมากกว่า

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าซงหยู

ตอนนี้สภาพของซงหยูนั้นมันคล้ายกับกิ้งก่าคาเมเลี่ยน สีหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไปมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดลง

“พี่ซง ท่านเองก็เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วให้เย่หยวนมาร่วมกลุ่มกับเรามันย่อมจะทำให้เรากลายเป็นเสือติดปีก! ในสนามรบเทพโบราณนี้มันสุดแสนอันตรายกว่าที่เราคาดคิด การมีคนมาเพิ่มเสริมกำลังมันย่อมจะดีกว่ามิใช่หรือ?” กั๋วจิงหยางบอก

ซงหยูนั้นรู้ดีแก่ใจว่าตอนนี้หากเขาไม่คิดยอมรับแล้วคนทั้งหลายคงได้ทิ้งตัวเขาไปตามเย่หยวนแทนแน่

ถึงเวลานั้นมันจะกลายเป็นตัวเขาเองที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว

“หึ ต่อให้ข้าจะยอมรับ แล้วเขาจะยอมหรือ?” ซงหยูบอกขึ้นด้วยรอยยิ้ม

การพูดเช่นนั้นออกมามันย่อมหมายถึงการเปิดช่องให้ตัวเองรอดออกไปได้

ตราบเท่าที่เย่หยวนบอกว่าอยากเข้า เรื่องราวในครั้งนี้มันก็จะจบลงอย่างสวยงาม ตัวเขาจะไม่ต้องเสียหน้าไปก้มหัวให้ใคร

เมื่อได้เห็นว่าต่อให้จะตายอยู่รอมร่อซงหยูผู้นี้ก็ยังคิดจะรักษาหน้าเอาไว้เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “ใช่ ข้านั้นไม่คิดจะร่วมกลุ่มกับพี่ซงหรอก ที่สำคัญตั้งแต่ต้นมาพี่ซงเองก็ไม่คิดจะรับข้าเข้าร่วมเดินทางด้วยอยู่แล้วมิใช่หรือ?”

พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไป

เจ้าคิดอยากได้หน้า?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ