‘ปัง! ปัง! ปัง!’
เย่หยวนและพวกนั้นต่างใช้วรยุทธ์วิชาต่างๆ ที่ตนมีออกมากระหน่ำโจมตีเหล่าเงาร่างสีดำทั้งหลายนี้อย่างไม่หยุดมือ
แต่เจ้าเงาร่างสีดำนี้มันกลับไม่มีบาดแผลใดๆ
ในตอนนี้เย่หยวนได้เห็นพวกมันอย่างชัดเจนแล้วว่าเจ้าเงาสีดำนี้แท้จริงแล้วมันมีรูปร่างเหมือนลิงสีดำด้วยขนสีดำขึ้นทั่วกายพร้อมเขี้ยวที่แหลมยาวออกจากปาก
พวกมันนั้นไม่ได้เป็นคนหรือผีวิญญาณใดๆ แต่เป็นตัวประหลาดสัตว์ร้ายอย่างแท้จริง
ที่สำคัญกว่านั้นคือพลังของพวกมันนั้นสุดแสนที่จะแข็งแกร่ง แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้เย่หยวนจะใช้พลังของธงศึกดาวฤกษ์ออกมาแต่พวกมันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลยแม้แต่น้อย
“ศพดำ!” ซงหยูที่ได้เห็นร่างของเหล่าลิงสีดำนี้ชัดๆ ได้ร้องออกมาพร้อมใบหน้าซีดขาว
เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วขึ้นถาม “ศพดำ? มันคืออะไรกัน?”
ซงหยูหันหน้ากลับมาหาเย่หยวนด้วยท่าทางไม่สู้ดี “หลังจากนักยุทธ์ตายลงภายใต้สภาพแวดล้อมที่พิเศษบางอย่างร่างของพวกเขามันจะผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัน เจ้าศพดำทั้งหลายนี้มันเป็นสัตว์ร้ายที่แสนจะยุ่งยาก มันมีพลังป้องกันที่สุดแสนน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นดาบหอกใดๆ ก็ไม่อาจทำร้ายพวกมันได้ รวมไปถึงพลังปราณเทวะทั้งหลายด้วย!”
เย่หยวนได้เข้าใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
เหล่าศพดำทั้งหลายนี้มันมีพลังประมาทอาณาจักรเทพถ่องแท้สองดาว แต่พลังป้องกันของร่างพวกมันนั้นกลับไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย
การมาเจอตัวตนเช่นนี้มันย่อมจะเป็นปัญหาใหญ่
ที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้าพวกนี้มันสุดแสนที่จะรวดเร็ว ยากที่จะหนีพ้นจากมัน
แต่เย่หยวนกลับยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากซงหยู
จะวัดกันที่แรงกาย?
หึๆ
จู่ๆ เย่หยวนก็เก็บธงศึกดาวฤกษ์ลงและหันไปบอกซงหยู “เจ้าปกป้องพวกเขา พวกนี้ข้าจัดการเอง”
ซงหยูผงะไปทันทีที่ได้ยิน “จัดการเอง?”
เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนเป็นผู้ฝึกฝนบ่มเพาะร่างกายแต่ด้วยพลังของเย่หยวนนั้นสุดท้ายมันก็คงเป็นแค่ร่างกายของเทพถ่องแท้หนึ่งดาว มันจะไปต้านทานพลังของศพดำทั้งหลายตนได้อย่างไร?
ระหว่างที่ซงหยูยังคงคิดเรื่องราวอยู่ในหัวเย่หยวนก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเสียแล้ว
‘โฮก!’
เสียงมังกรที่ร่ำร้องขึ้นฟ้าดังขึ้นพร้อมๆ กับภาพของเจ้าศพดำที่ถูกซัดจนปลิวไปไกล
‘ฮูว!’
เจ้าศพดำนั้นร่ำร้องออกมาเป็นเสียงที่แหลมเสียดหูผู้คนไปทั่ว
ซงหยูและพวกที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างตกตะลึง ได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่อาจเข้าใจได้
‘ปัง! ปัง! ปัง!’
หมัดของเย่หยวนนั้นถูกปล่อยออกมาราวสายลมที่บ้าคลั่ง แต่ละหมัดนั้นถูกจุดตายของอีกฝ่ายจนเกิดกลายเป็นการต่อสู้ระยะประชิดระหว่างตัวเขาและศพดำทั้งแปดนั้น
ระหว่างที่สู้กันไปเจ้าศพดำก็จะร่ำร้องขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงโหยหวนนั้นต้องขนลุกเกรียว
ภายในม่านหมอกนี้เหล่าคนจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศต่างได้เพียงมองดูเงาจางๆ นั้นด้วยปากที่อ้าค้าง
“มัน… ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?” กั๋วจิงหยางร้องขึ้น
“ใช่แล้ว ดูอย่างไรกายของเขานั้นมันก็อยู่ในระดับเทพถ่องแท้หนึ่งดาว แต่พลังการต่อสู้ของเขานี้มันกลับสามารถชิงชัยความได้เปรียบจากเหล่าศพดำเทพถ่องแท้สองดาวทั้งหลายได้! ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดตอนอยู่ในดงวิญญาณการต่อสู้เขาจึงเดินผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย” หม่าฉางพูดขึ้นเสริม
เพราะพลังกายในระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
ทั้งด้านพลังโจมตีและพลังป้องกันตัวเย่หยวนกลับมีพลังที่เหนือล้ำกว่าคนในรุ่นเดียวกันไปอย่างมาก และตอนนี้เขายังเก่งกาจเสียยิ่งกว่าเทพถ่องแท้สองดาวอย่างชัดเจน
พวกเขานั้นได้รู้เลยว่าต่อให้ไม่ใช้พลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เย่หยวนก็คงจะสามารถจัดการเทพถ่องแท้สองดาวลงได้อย่างไม่ยากเย็น
ภายในกลุ่มคนนั้นหลิวยี่เบิกตามองอย่างตั้งใจก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “มันคือกายทองคำสัมบูรณ์! เย่หยวนนั้นบ่มเพาะกายทองคำสัมบูรณ์!”
“ห๊ะ! กายทองคำสัมบูรณ์? มัน… มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ซงหยูร้องขึ้นมา
ทุกผู้คนนั้นต่างรู้ดีว่ากายทองคำสัมบูรณ์มันคืออะไรและมันเป็นสิ่งที่อันตรายมากเพียงใด
เรื่องเช่นนั้นมันย่อมจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
แต่ทว่านอกจากกายทองคำสัมบูรณ์แล้วพวกเขาก็ไม่อาจจะหาคำอธิบายใดมาอธิบายภาพตรงหน้านี้ได้อีก
เย่หยวนต่อสู้กับศพดำแบบหนึ่งต่อแปดและกลับสามารถทำให้เหล่าศพดำต้องร่ำร้องอย่างเจ็บปวด
พลังการต่อสู้ในระดับนี้มันเหนือล้ำจนเกินไป
แต่ทว่าระหว่างที่ทุกผู้คนกำลังตื่นตะลึงอยู่พวกเขาก็ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีภัยกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้เต็มที
ตั้งแต่ที่เย่หยวนขึ้นมาถึงอาณาจักรเต๋าขั้นสุดนั้นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากจนไม่อาจเทียบเคียงกับคนในรุ่นเดียวกันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...