โจวหยูนั้นมีใบหน้าที่ซีดเผือดแต่ไม่มีใครรู้ว่าความซีดเซียวนี้มันมาจากความกังวลหรือความกลัวกันแน่
เมื่อเดินมาถึงหน้ามารกระดูกเทพสวรรค์นี้ โจวหยูก็รีบชักสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ของตนออกมาพร้อมหายใจเข้าลึก
จากนั้นเขาก็ได้ฟาดกระบองออกมาด้วยคลื่นพลังอันสุดแสนเหนือล้ำ พลังจากแนวคิดทั้งหลายได้ผสานออกมาในการโจมตีนี้ของเขา
“ช่างเป็นคลื่นพลังแนวคิดที่รุนแรง! ที่แท้นี่คือพลังฝีมือของเขาอย่างนั้นหรือ!”
“คนทั้งหลายก่อนหน้านี้มันไม่อาจเทียบกับโจวหยูผู้นี้ได้เลย!”
“บางทีเขาอาจจะรับดาบนี้ไว้ได้จริงๆ ก็ได้”
…
เมื่อเหล่ายอดฝีมือใช้ไม้ตายออกมาใครเก่งแท้เก่งเทียมมันก็จะเห็นกันได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าตัวโจวหยูนั้นจะยังอยู่ในช่วงปล่อยพลังแต่คลื่นพลังแนวคิดจากร่างของเขานั้นมันก็ได้พุ่งทะยานสูงล้ำกว่าคนก่อนๆ หน้าทั้งหลายแล้ว
การโจมตีของเขานี้หากถูกคนระดับเดียวกันเข้ามันคงเป็นความตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่พลังของสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์
ก่อนหน้านี้ที่เขาปะทะกับเย่หยวน เขาไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาเลย
ส่วนทางมารกระดูกเทพสวรรค์นั้นก็ยังแทงดาบออกมาอย่างไร้อารมณ์ใดๆ พร้อมทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า
โจวหยูตะโกนร้องก่อนจะฟาดกระบองออกมารับดาบนั้นไว้
ในมุมที่เจ้ากระบองนั้นเคลื่อนผ่านมิติรอบๆ นั้นมันจะมีรอยแตกร้าวขึ้น
‘หนึ่งกระบองถามสวรรค์!’
คลื่นพลังทั้งสองนั้นเข้าปะทะกันตรงๆ ก่อนจะระเบิดพลังออกมาทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงแทบปลิวกระเด็นออก
เสียงร่ำร้องหนึ่งดังออกมาจากปากของโจวหยูราวกับว่าตัวเขาได้ถูกค้อนทุบที่กลางอกร่างปลิวกระเด็นไปตกที่พื้นด้านหลังพร้อมกระอักเลือดคำโต
โจวหยูนั้นมีใบหน้าที่ขาวซีดอย่างมากเพราะด้วยอาการบาดเจ็บที่มี
แต่ทว่าจิตใจของเขานั้นมันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เขานั้นรับดาบนี้ไว้ได้โดยที่ยังมีชีวิต การทำเช่นนี้ได้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าผู้คนแล้ว
จนถึงเวลานี้เขานั้นยังเป็นคนแรกและแค่คนเดียวที่สามารถรอดกลับออกมาได้
เขานั้นมีเหตุพอที่จะภูมิใจ!
แต่ในเวลานั้นเองทางมารกระดูกกลับพูดขึ้นมา “อ่อนแอ!”
น้ำเสียงของเจ้ามารกระดูกนั้นมันแสดงถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
โจวหยูที่ได้ยินเช่นนั้นก็แข็งค้างไปทั้งร่าง ความตื่นเต้นดีใจภูมิใจใดๆ ที่มีในวินาทีก่อนนั้นมันได้หายไปกับสายลม
นี่… นี่เรียกว่าอ่อนแอ?
เช่นนั้นแล้วต้องมีพลังถึงขั้นใดเจ้ามารกระดูกนี้จะเรียกว่าแข็งแกร่งเล่า?
ทุกผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างสูดหายใจเข้าลึก คนที่เก่งกาจขนาดโจวหยูยังไม่อาจรับดาบเดียวนี้ของมารกระดูกเทพสวรรค์ได้อย่างปลอดภัย
แล้วเจ้าวิชาดาบนี้มันจะต้องยิ่งใหญ่เพียงใดกัน?
ในสายตาของพวกเขาทั้งหลายนั้นโจวหยูนั้นนับได้ว่าไร้เทียมทานแต่ทางมารกระดูกนี้กลับบอกว่าตัวเขานั้นอ่อนแอ
การวิจารณ์นี้มันทำให้ผู้คนที่ได้ยินแทบสิ้นสติ!
“ผู้อาวุโสท่านใช้วิชาของเทพสวรรค์นี้ออกมาต่อข้าและกลับมาบอกว่าข้าอ่อนแอ ข้า… ข้าไม่ยอมรับหรอก!” โจวหยูกัดฟันร้องบอก
สำหรับพวกเขาเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาทั้งหลายแล้วความอับอายนั้นมันเป็นอะไรที่เหลือจะทนเสียยิ่งกว่าความตาย
เพราะฉะนั้นแม้โจวหยูจะรู้ดีว่ามารกระดูกเทพสวรรค์นี้เก่งกาจเพียงใด เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเถียงคืนกลับไป
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นมองดูที่ตัวเขาและกล่าวขึ้น “ยอดอัจฉริยะในยุคของข้านั้นคงสามารถจัดการดาบแรกของข้านี้ลงได้อย่างง่ายดาย”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำพูดนี้พวกเขาต่างตกตะลึงแตกตื่นกันไปตามๆ กัน
วิชาดาบที่รุนแรงปานนั้นกลับสามารถถูกจัดการลงได้อย่างง่ายดาย?
ยอดอัจฉริยะในยุคนั้นมันต้องเก่งกาจแค่ไหนกัน?
พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่มีใครคิดสงสัยในคำพูดนั้นเพราะมารกระดูกเทพสวรรค์นี้ย่อมจะไม่มีเหตุผลใดๆ ให้ต้องกล่าววาจาโกหกหลอกลวง
“ต่อไป”
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นไม่คิดสนใจความแตกตื่นของพวกเขาและชี้นิ้วกระดูกนั้นออกมายังซงหยู
เรื่องนั้นมันทำให้ซงหยูหน้าซีดเผือด ด้วยพลังฝีมือของเขามันย่อมจะไม่อาจรับดาบนั้นไว้ได้แน่
แต่จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งเดินขึ้นมาบังหน้าของเขาไว้ “ผู้อาวุโส ขอข้าลอง”
เมื่อได้เห็นแผ่นหลังนี้ซงหยูก็เบิกตากว้างด้วยความตื้นตันแต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องขึ้น “พะ…พี่เย่”
เย่หยวนหันหน้ากลับมาหาตัวเขาด้วยรอยยิ้ม “วิชาดาบนี้มันน่าสนใจ ข้าอยากจะลองมันดูเสียหน่อย ขอข้าก่อนนะ”
ซงหยูนั้นรู้สึกตื้นตันอยู่เต็มหัวใจก่อนจะพยักหน้าออกมา “ระวังตัวด้วยพี่เย่!”
เย่หยวนพยักหน้าออกมาก่อนจะหันกลับไปหามารกระดูกเทพสวรรค์อีกครั้ง “ผู้อาวุโส เชิญลงมือ”
มารกระดูกนั้นเองก็ไม่กล่าวใดๆ และแทงดาบออกมาทันที
เมื่อได้เห็นดาบนี้ต่อหน้าเย่หยวนถึงได้รับรู้ว่ามันเป็นวิชาที่อันตรายมากมายเพียงใด
มารกระดูกเทพสวรรค์นั้นใช้วิชานี้ออกมาด้วยปราณเทวะระดับเทพถ่องแท้สองดาว แต่วิชานี้มันย่อมมากพอที่จะฆ่าสังหารเทพถ่องแท้สี่ดาวลงได้ง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...