จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1991

พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้างพร้อมปากที่อ้าค้าง พวกเขานั้นย่อมไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนนั้นจะยังกล้าท้าทายต่อไป

เพราะในตอนนี้เย่หยวนย่อมจะสามารถพิสูจน์ตัวและไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงใดๆ อีกต่อไปแล้ว

แต่เขานั้นกลับเลือกที่จะท้าทายต่อไป

อีกด้านทางพวกซงหยูนั้นกลับมีสีหน้ากังวลขึ้นมา “พี่เย่ เจ้า…”

เขานั้นกำลังคิดที่จะพูดขึ้นมาแต่เย่หยวนกลับตัดบทเขาเสียก่อน “ข้าสัญญากับเจียนซู่เทาไว้ว่าข้านั้นจะเอากระดูกจักรพรรดิกลับไปให้เขา”

ตอนนี้บนใบหน้าของทั้งซงหยู กั๋วจิงหยาง หม่าฉางและหูเฟยต่างแสดงสีหน้าท่าทางเจ็บแค้นหัวใจออกมา

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้พลังขนาดนี้มาก่อนเลย!

เย่หยวนนั้นเลือกที่จะท้าทายต่อไป มันเป็นเพราะเจียนซู่เทาจริงหรือ?

ใช่!

แต่พวกเขานั้นย่อมเข้าใจดีว่าอีกเหตุผลใหญ่นั้นมันคือเย่หยวนต้องการจะปกป้องพวกเขาทั้งหลายด้วย!

หากเย่หยวนยอมแพ้เสียตอนนี้พวกเขาทั้งหลายทุกผู้คนคงต้องตายลงด้วยดาบของมารกระดูกเทพสวรรค์ตนนี้

ไม่มีใครจะรอดออกไปได้

แล้วการที่เย่หยวนจะท้าทายมารกระดูกเทพสวรรค์ต่อไปเช่นนี้มันอันตรายหรือไม่?

แน่นอนว่ามันสุดแสนอันตราย!

พวกเขานั้นรู้ถึงวิชาฝีมือของเย่หยวนไม่น้อยและการที่ดาบแรกของมารกระดูกเทพสวรรค์ทำให้เย่หยวนต้องชักเอาดาบสลักกลวงออกมาใช้นั้นมันย่อมจะแสดงให้เห็นได้ว่าสองดาบที่เหลือจะแข็งแกร่งปานใด

มันจะต้องเหนือล้ำจินตนาการแน่!

มารกระดูกนั้นกล่าวขึ้น “เช่นนั้นเจ้าจงไปพักฟื้นปราณของตนก่อน ดาบที่สองนี้มันจะมีพลังที่เหนือล้ำจนเจ้าไม่อาจคาดคิดได้!”

เย่หยวนนั้นไม่พูดตอบอะไรและแค่พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงกลืนโอสถไปหลายเม็ดพยายามฟื้นฟูปราณเทวะให้ร่างให้เร็วที่สุด

แต่คนทั้งหลายนั้นต่างยังคุยกันไม่จบสิ้น เหนือกว่าที่จะจินตนาการ มันต้องเป็นดาบที่รุนแรงเพียงใดกัน?

แต่ไม่นานพวกเขาทั้งหลายก็ได้รู้

หลังผ่านไปได้ครึ่งวันในที่สุดปราณเทวะของเย่หยวนก็ได้ฟื้นฟูกลับมาจนสมบูรณ์ ทำให้คนทั้งหลายต้องประหลาดใจไปตามๆ กัน

ความเร็วในการฟื้นฟูนี้มันจเหนือล้ำเกินไปหรือไม่?

เย่หยวนนั้นเดินขึ้นมายืนต่อหน้ามารกระดูกและยกมือขึ้นคารวะ “ผู้อาวุโส โปรดชี้แนะด้วย”

มารกระดูกนั้นพยักหน้ารับก่อนจะแทงดาบออกมาอีกครั้ง

แม้ว่ากระบวนท่าที่เห็นนี้มันจะไม่ได้แตกต่างจากดาบก่อนหน้าแต่มันกลับทำให้สีหน้าของผู้คนทั้งหลายซีดเซียว

‘อ่อก!’

‘อ่อก!’

‘อ่อก!’

แม้ว่าเหล่าเด็กแห่งโชคชะตาคนอื่นๆ นั้นจะอยู่ไกลออกมาอย่างมากมายแต่แค่พลังจากเศษเสี้ยวของดาบนี้มันกลับทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องกระอักเลือดบาดเจ็บไปตามๆ กัน

มันไม่ได้มีคลื่นพลังปราณเทวะที่รุนแรงเหนือฟ้าใดๆ แต่ที่ใดที่ดาบนั้นเคลื่อนผ่านทุกสิ่งอย่างมันกลับหายลับไปสิ้น

หากนี้มันคือมัจจุราชที่ทำลายล้างได้ทุกสิ่ง!

เทียบกันแล้วดาบแรกนั้นมันเหมือนเป็นเพียงแค่เด็กน้อยหัดเดินไปเลย

และที่สำคัญดาบนี้ยังถูกปล่อยออกมาด้วยพลังของแค่เทพถ่องแท้สองดาว

ในเวลานี้พวกเขามั่นใจอย่างมากว่าต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ห้าดาวก็คงไม่อาจจะต้านทานพลังของดาบนี้ได้แม้แต่น้อย

ผู้คนทั้งหลายนั้นต่างสงสัยว่าเย่หยวนจะใช้ไม้ไหนในการปัดป้องดาบนี้

ในเวลานั้นเองที่เย่หยวนก็เริ่มลงมืออกมาบ้าง!

‘ดาบสลักกลวง!’

ยังเป็นดาบนี้!

ดาบนี้มันเป็นสุดยอดวิชาดาบก็จริงแต่ด้วยพลังของดาบที่สองนี้มันย่อมไม่สามารถจะเทียบเคียงได้เลย

‘ปัง!’

หลังจากต้านอยู่เสี้ยววินาทีดาบสลักกลวงของเย่หยวนก็ได้ถูกทำลายลง

จากนั้นคลื่นพลังที่เหลือของดาบที่สองก็ได้พุ่งเข้ามาหาเย่หยวนอย่างไม่มีทีท่าจะแผ่วเบาลง

‘โฮ่ก!’

ในเวลานั้นเองก็เกิดเสียงมังกรร่ำร้องขึ้นพร้อมด้วยแสงสีทองจ้าส่องสว่างออกจากร่างของเย่หยวน ส่องสว่างขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า

พร้อมๆ กันนั้นเจ้าเกราะศึกรุ้งเขียวเองก็ปล่อยแสงแสดงพลังของตัวมันออกมาอย่างสุดขีด

“เกราะมังกรลับเต๋านิพพาน!”

เย่หยวนร้องตะโกนพร้อมใช้ร่างกายรับดาบนั้นของมารกระดูกไว้

‘ปัง!’

เสียงการปะทะดังสนั่นขึ้นจนทำให้มิติสั่นคลอน

ดาบสีขาวสนิทและลูกเกราะสีทองนั้นเข้าปะทะกันอยู่กลางมิติอย่างไม่มีใครคิดจะยอมใคร

นั่นทำให้คลื่นพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นค่อยๆ เบาบางลง

แต่เป็นเกราะทองของเย่หยวนที่สูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็วกว่า

เมื่อทุกคนได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ตื่นตะลึงจนไม่อาจหุบปากที่อ้าค้างนั้นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ