“นายท่าน ข้าชนะแล้ว! ข้าชนะแล้วจริงๆ! ที่แท้ฝีมือของข้ามันกลับแข็งแกร่งได้ปานนี้แล้ว!”
ตอนนี้ข้างกายเย่หยวน หนิงซืออวี๋กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงแตกต่างจากนางผู้นั้นเหนือล้ำเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกในใจของนางเวลานี้มันเหมือนกับเป็ดน้อยที่ได้เกิดใหม่เป็นหงส์
สำหรับตัวหนิงซืออวี๋แล้วยอดเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนใหญ่โต
ในแดนใต้นี้มันมียอดอัจฉริยะอยู่มากมายเพียงใด?
ระดับการต่อสู้ของคนทั้งหลายนั้นมันย่อมจะมิใช่สิ่งที่เด็กสาวบ้านนอกอย่างนางจะมาเข้าร่วมได้
แต่หลังจากได้ประลองกับพวกลั่วเยว่ทั้งหลายแล้วนางก็ได้รู้ว่าตอนนี้นางได้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในแนวหน้าของวงการโอสถแห่งแดนใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยการชี้แนะจากเย่หยวน
ไม่สิ! คงต้องบอกว่านางนั้นก้าวขึ้นมาเหนือล้ำแนวหน้าไปเสียแล้วด้วยซ้ำ!
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนั้นล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลใหญ่โตแต่พวกเขากลับพ่ายแพ้ลงต่อหน้านางสิ้น
แม้แต่แค่คิดย้อนกลับไปหนิงซืออวี๋ก็ยังรู้สึกมึนงง
เย่หยวนกล่าวขึ้น “เหล่าคนทั้งหลายนี้แค่ถูกผู้อื่นใช้งานมา แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขามันย่อมจะไม่เก่งกาจมากมาย ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้เหล่ายอดอัจฉริยะที่แท้คงก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าได้แล้ว”
หนิงซืออวี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงร้องขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “เก่งปานนั้น?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “แต่เจ้าเองก็มิต้องไปกังวลให้มากนัก เพราะเหล่าคนที่ก้าวขึ้นอาณาจักรเต๋าได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวขึ้นไปสิ้น ในหมู่จอมเทพโอสถห้าดาวนั้นมันคงไม่มีใครเทียบเคียงเจ้าได้แน่”
หนิงซืออวี๋ยิ้มรับ “ซืออวี๋จะไม่ทำให้นายท่านต้องขายหน้าแน่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำพาหนิงซืออวี๋เดินจากไปทิ้งผู้คนที่มึนงงไว้ด้านหลัง
…
“นายน้อยหยุน หนิงซืออวี๋และลั่วเยว่ได้ต่อสู้กันอย่างยาวนานถึงสี่ชั่วโมงจนที่สุดหนิงซืออวี๋สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรต้นขั้นสุดได้ ชนะลั่วเยว่ไปอย่างขาดลอยทำให้เวลานี้ยอดอัจฉริยะจากทั้งยี่สิบสามตระกูลพ่ายแพ้ลงสิ้น!”
หลังจากได้ยินคำของคนรับใช้นั้นภายในห้องมันก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน
เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมคิดจะล้มเย่หยวนลงทำให้เขาต้องเผยธาตุแท้ออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะกลายเป็นการช่วยคนรับใช้ของเย่หยวนบรรลุแทน
งานชุมนุมโอสถเมฆายังไม่ทันเริ่มแต่ชื่อเสียงของหนิงซืออวี๋กลับลือลั่นไปทั่วทั้งเมืองเสียแล้ว
ชายหนุ่มทายาทอีกตระกูลใหญ่กล่าวขึ้น “หนิงซืออวี๋ผู้นี้นับได้ว่ามีฝีมือติดอันดับหนึ่งในสิบของจอมเทพโอสถหกดาวได้เลย!”
“การที่สามารถจะมีคนรับใช้ที่เก่งกาจปานนี้ได้ หรือว่า…”
ฝีมือของหนิงซืออวี๋นั้นมันทำให้คนทั้งหลายเริ่มไม่มั่นใจ
แต่หยุนยี่ยังคงยืนกราน “ไม่มีทาง! อืม… ข้ารู้แล้ว! นางผู้นี้มันจะต้องเป็นเครื่องป้องกันที่เทพสวรรค์เปียวหยูมอบให้แก่เย่หยวนมาแน่ หนิงซืออวี๋นั้นคงเป็นศิษย์รักของเทพสวรรค์เปียวหยู! พวกเจ้าลองคิดดูเถิด ตอนเจ้าอายุแค่พันกว่าปีนั้นพวกเจ้าทั้งหลายทำอะไรกันอยู่? ต่อให้เขาจะเก่งกาจสามารถปานใดมันก็ไม่มีวันขึ้นถึงระดับปรมาจารย์หรอกใช่หรือไม่?”
เมื่อเจิ้งปู้ฉุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นทันที “ที่พี่หยุนยี่ว่ามามันก็ไม่ผิด เราเกือบถูกหลอกเข้าเสียแล้ว! เพียงแค่ว่าข้าเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านเทพสวรรค์เปียวหยูจะเลี้ยงดูศิษย์ที่เก่งกาจปานนี้ขึ้นมาได้ หากปล่อยไปอีกหน่อยนางผู้นี้คงก้าวขึ้นมาเป็นยอดอัจฉริยะโอสถอันดับต้นๆ ของแดนใต้แน่!”
พวกเขาทั้งหลายที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับไม่มีใครคิดค้านใดๆ
“พี่หยุนยี่ เด็กคนนี้มันช่างหลบซ่อนตัวเองเก่งกาจนัก เราจะทำอย่างไรดี?” ชายหนุ่มอีกคนถามขึ้น
หยุนยี่นั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าของคนที่มีแผนสำรองไว้ “ใจเย็น ตอนนี้มันหลบรอดได้ แต่มันย่อมจะไม่อาจหลบรอดไปได้ทั้งชีวิต สถานะของพวกเรานั้นมันต่ำต้อยไปหน่อย แต่พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายอยู่! ที่สำคัญ… พวกเจ้าอย่าได้ลืมว่ามันยังมีเทพสวรรค์ซืออี้! พี่ปู้ฉุน เรื่องนี้คงต้องขอพึ่งเจ้าแล้ว!”
เจิ้งปู้ฉุนที่ได้เห็นสีหน้านั้นของหยุนยี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
…
ภายในเรือนหรูหราของเมืองชั้นในตอนนี้มีคลื่นพลังรุนแรงกำลังพุ่งทะยานออกมา
แต่หลังจากมันปะทะเข้ากับค่ายกลของเรือนนั้นคลื่นพลังที่หลุดรอดออกไปก็หายวับลงสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...