เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้วแน่นมองดูเจิ้งฉีหยวนด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “พี่เหลียวหมิงนั้นเชิญข้ามาร่วมสนทนาด้วยกันมิใช่หรือ? ทำไม? ข้าร่วมวงสนทนาด้วยมิได้?”
เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักออกมาเมื่อได้ยินคำเช่นนั้นของเย่หยวน
ในเวลานั้นเองที่มีเทพสวรรค์อีกผู้หนึ่งร้องบอกขึ้นมา “โอหัง! เจ้าเป็นแค่เทพถ่องแท้กลับกล้ามาเรียกพี่เหลียวหมิงว่า ‘พี่’ อย่างนั้นหรือ?”
เหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ เองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันจึงได้พยักหน้ารับออกมา
เทพถ่องแท้สามดาวนั้นกลับเรียกเทพสวรรค์เป็นพี่น้อง ไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็แปลกประหลาด
ต่อให้เย่หยวนจะมีเหรียญปรมาจารย์ในมือก็ตามแต่!
เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มออกมา เขารู้ดีว่าคนทั้งหลายนี้มันย่อมจะมีความไม่พอใจอยู่ในหัวใจแต่เขาเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงกลัว “พี่เปียวหยูนั้นนับข้าเป็นสหาย ที่สำคัญกว่านั้นข้ายังมีเหรียญปรมาจารย์อยู่ในมือนี้ เหตุใดข้าจะเรียกพี่เหลียวหมิงมิได้? ช่างเถอะ หากพวกเจ้าไม่คิดอยากให้เย่ผู้นี้อยู่ร่วมวงด้วยแล้วเย่ผู้นี้ก็ขอตัว การแลกเปลี่ยนใดๆ ในที่แบบนี้ย่อมลืมมันไปเสียเถอะ!”
พูดจบเย่หยวนพูดลุกเดินไปทางค่ายกลเคลื่อนย้ายทันที
เจิ้งฉีหยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดหน้าถอดสีไม่ได้ เขานั้นไม่ชอบใจที่เย่หยวนวางตัวเหนือท่านทำตัวอวดเก่งจึงได้พูดโจมตีเย่หยวนไม่ขาดปาก
แต่หากเย่หยวนไปจริงแผนการใดๆ ของพวกเขาจะไม่เสียเปล่าหมดหรือ?
พวกเขานั้นจัดการเรื่องราวขึ้นมาเพื่อจะให้เย่หยวนต้องขายหน้า ตอนนี้หากปล่อยเย่หยวนไปแล้วมันจะเป็นปัญหาเอา
เทพสวรรค์เหลียวหมิงที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะขึ้นมาก่อนจะลุกมาหยุดเย่หยวนไว้ “เดี๋ยวก่อนเถิดปรมาจารย์เย่! เหล่าคนทั้งหลายนี้แค่ตื่นตกใจเพียงเท่านั้น เอาจริงๆ แล้วตัวข้านั้นสนใจในปรมาจารย์เย่มาก พี่เปียวหยูนั้นมีดวงตาที่เฉียบคม การที่ปรมาจารย์เย่ได้รับคำชื่นชมจากเขาเช่นนั้นมันย่อมจะต้องเป็นยอดคนแน่แล้ว!”
เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาในใจ นี่มันแผนการไม้เรียวกับขนมหวานอย่างนั้นหรือ?
ช่างเป็นแผนการที่แน่นอนจริงๆ!
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนจะต้องกลัวอะไร?
“ข้าก็ไม่ถึงขั้นเป็นยอดคนใดๆ หรอก แต่หากแค่ให้มาแลกเปลี่ยนความรู้กับพวกท่านนั้น เย่ผู้นี้ย่อมจะมีความสามารถพอ!” เย่หยวนตอบกลับไป
ช่างเป็นเด็กที่โอหัง!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าออกมาตามๆ กัน
เทพถ่องแท้ที่อวดดีขนาดนี้เกิดมาพวกเขาก็เพิ่งเคยพบเจอ
“ฮ่าๆ เรื่องนั้นย่อมแน่นอน! ผู้มีเหรียญปรมาจารย์ย่อมจะมีความรู้พอที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกเราทั้งหลาย! มาๆ นี่ที่นั่งของท่านปรมาจารย์เย่”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงดึงตัวเย่หยวนกลับมานั่งลงอีกครั้ง
และที่นั่งนั้นมันกลับอยู่ข้างตัวเทพสวรรค์เหลียวหมิง
“ทุกท่าน นั่งเถอะๆ มา ปรมาจารย์เย่ ให้ข้าได้แนะนำเหล่าผู้แสดงหาความรู้ทั้งหลายให้ได้รู้จัก ข้านั้นคือเทพสวรรค์เหลียวหมิง สหายของเทพสวรรค์เฉิงเฟิงแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิฟ้าบูรพา” เทมพสวรรค์เหลียวหมิงบอกแก่เย่หยวน
เย่หยวนพยักหน้ารับและกล่าวขึ้น “ขอคารวะพี่เหลียวหมิง”
เจิ้งฉีหยวนนั้นจึงยิ้มขึ้น “แท้จริงแล้วพี่เหลียวหมิงนั้นคือปรมาจารย์ตัวจริงเสียงจริง!”
เขานั้นกลัวว่าเย่หยวนจะโกรธหนีกลับไปอีกจึงไม่พูดว่าใดๆ ออกมาแต่ทุกผู้คนต่างก็เข้าใจคำพูดของเขาได้ดี
เทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นเป็นปรมาจารย์ตัวจริงเสียงจริง ส่วนเย่หยวนนั้นย่อมจะเป็นปรมาจารย์ตัวปลอมแล้ว!
เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดจะสนใจคำของเขาแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงขึ้น
ที่แท้แล้วเทพสวรรค์เหลียวหมิงนี้เองก็เป็นผู้ถือเหรียญปรมาจารย์เช่นกัน ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคนทั้งหลายนั้นถึงได้เคารพเขานัก
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะอีกครั้ง “ขออภัยที่เสียมารยาท”
ภาพลักษณ์ของเทพสวรรค์เหลียวหมิงในสายตาเขานั้นมันไม่ดีนัก เพราะอีกฝ่ายนั้นวางแผนคิดร้ายแก่เขา
เทพสวรรค์เหลียวหมิงจึงหัวเราะตอบกลับมา “ปรมาจารย์ใดเล่า? เทพสวรรค์ผู้นี้แค่ได้รับประโยชน์จากความยิ่งใหญ่ของพี่เฉิงเฟิง มันไม่มีค่าให้กล่าวถึงหรอก แต่เป็นทางปรมาจารย์เย่ต่างหากที่แสดงความสามารถได้ตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น! ตอนนั้นที่ข้าได้ยินว่ามีเทพถ่องแท้เป็นปรมาจารย์ในงานชุมนุมโอสถเมฆานี้ข้าล่ะตื่นตะลึงไปพักใหญ่เลย! มาๆ! ให้ข้าแนะนำคนทั้งหลายให้รู้จักเอง นี่คือเทพสวรรค์ซืออี้ เขาเองก็เป็นสหายกับพี่เปียวหยูเหมือนท่าน และตัวเขานั้นมีวิชาโอสถที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...