“ฮ่าๆ! ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่? การเอาของเช่นนี้มาผสมกันมันย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถวาโยเมฆเจ็ดสมบัติได้!”
เมื่อได้เห็นเทพสวรรค์เหลียวหมิงล้มเหลว เจิ้งฉีหยวนก็ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ
เพียงแค่ว่าตอนนี้มันไม่มีใครจะหัวเราะไปกับเขาด้วย
เสียงหัวเราะของเขาจึงค่อยๆ เบาบางลงจนสุดท้ายเจิ้งฉีหยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา
เว้นเสียแต่ว่าดวงตาที่เขาใช้มองดูเย่หยวนนั้นมันยิ่งเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังมากขึ้น
หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้แล้วเขาก็คงไม่ถูกคนทั้งหลายทิ้งตัวห่างเช่นนี้
เทพสวรรค์เหลียวหมิงหันมาหาเย่หยวน “ปรมาจารย์เย่ เมื่อสักครู่ที่เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ลองหลอมดู เจ้าธาตุไม้นั้นมันมารบกวนหม้อหลอมอย่างไม่สิ้นสุดจนทำให้โอสถไม่อาจก่อตัวได้ วิธีการนี้… มันดูท่าจะไม่ได้ผล!”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็หันมามองเย่หยวนด้วยใบหน้ากังวล
เพราะหากพลาดไปแล้วเย่หยวนคงไม่อาจหลอมโอสถได้อีกทั้งชีวิตนี้
สำหรับนักหลอมโอสถที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อวิชาแล้วมันย่อมจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย
โดยเฉพาะตัวเย่หยวนนี้ที่มีความรู้ความสามารถสูงส่ง
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมาและบอก “หากมันไม่ได้ผลแล้วก็ลองชุดที่สองเถิด”
เทพสวรรค์เหลียวหมิงพยักหน้ารับออกมาและเริ่มทำการหลอมโอสถอีกครั้ง
เย่หยวนนั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างเย็นเยือก แต่มุมมองที่ตัวเขามีต่อเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมาก
ดูท่าเย่หยวนจะเข้าใจเขาผิด
เพราะเทพสวรรค์เหลียวหมิงผู้นี้มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ การเรียกเขามาหาครั้งนี้ดูท่าจะมิใช่เพื่อทำให้เขาต้องขายหน้า แต่นั่นก็เพื่อทดสอบฝีมือของเขาจริงๆ
เรื่องนี้เย่หยวนเห็นได้ชัดเจนจากวิธีที่เขาใช้หลอมโอสถ
เพราะด้วยสายตาของเย่หยวนแล้วต่อให้เทพสวรรค์เหลียวหมิงจะคิดเล่นตุกติกใดๆ เขาก็ย่อมจะมองออก
แต่ทว่าการหลอมครั้งแรกที่ผิดพลาดลงไปนั้นมันเป็นปัญหาที่ตัวสมุนไพรหาใช่เจตนาร้ายของเทพสวรรค์เหลียวหมิงไม่
เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนทำให้เกิดเหงื่อเม็ดโตขึ้นกลางหน้าผากของเทพสวรรค์เหลียวหมิง
ตอนนี้การควบคุมหม้อหลอมของเขานั้นค่อยๆ ลดต่ำลงเรื่อยๆ
จนสุดท้ายแล้วมันก็ผิดพลาดลง!
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่เห็นต้องหน้าซีดลงทันที เมื่อพลาดติดกันถึงสองครั้งเช่นนี้แล้ว มันก็ย่อมหมายความว่าเย่หยวนจะไม่มีทางออกใดๆ อีก
“หึ พี่เหลียวหมิง ครั้งนี้มันคงเป็นธาตุไฟที่เข้ามาปั่นป่วนการก่อตัวใช่หรือไม่? ต่อไปมันก็น่าจะเป็นตาของธาตุสายฟ้าแล้ว! ความผิดพลาดโง่เง่าเช่นนี้ย่อมจะไม่มีจอมเทพโอสถคนใดทำ มันนั้นพูดจาสามหาวบอกว่าต้องสำเร็จแน่นอน ช่างโอหังนัก! ในสายตาของข้าแล้วมันคงไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับโอสถและที่พูดออกมาได้ก่อนหน้านั้นมันก็ย่อมจะเป็นคำสั่งสอนจากพี่เปียวหยู”
ความผิดพลาดสองครั้งติดนี้มันทำให้ความมั่นใจของเจิ้งฉีหยวนพุ่งทะยานคิดว่าตัวเองไม่พลาดแพ้แน่
เพราะนี่มันคือโอสถธาตุลมแท้แต่จะเอาธาตุอื่นมาผสม? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
เทพสวรรค์ซืออี้ที่ได้เห็นก็ขมวดคิ้วแน่น “ปรมาจารย์เย่ ทำไม… ไม่ลืมๆ มันไปเสียเล่า? หากเจ้าแค่พูดออกมาทั้งเทพสวรรค์ผู้นี้ทั้งพี่เปียวหยูย่อมจะช่วยเจ้าพ้นจากเรื่องราวนี้ได้ แล้วมันจะไม่มีใครกล้ามาว่าใดๆ เจ้าด้วย!”
ได้ยินเช่นนั้นเจิ้งฉีหยวนก็หน้าแดงก่ำขึ้นทันที
“พี่ซืออี้ ท่านคิดจะกดดันผู้คนด้วยกำลังหรือ?” เจิ้งฉีหยวนร้อง
เทพสวรรค์ซืออี้หันหน้ากลับไปตอบ “แล้วทำไมเล่า?”
“เจ้า!” เจิ้งฉีหยวนแทบสำลักเมื่อได้ยิน
ในแดนใต้นี้เทพสวรรค์ซืออี้นั้นไม่ได้มีอำนาจมากมาย แต่เทพสวรรค์เปียวหยูนั้นมีตำแหน่งที่สูงศักดิ์
ตระกูลเจิ้งของเขานั้นมันเป็นแค่ตระกูลชั้นกลางในแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่ำต้อยกว่าที่จะไปเทียบกับยอดเมืองหลวงจักรพรรดิทองวาวใดๆ
ตอนนี้เมื่อเห็นเย่หยวนกำลังจะแพ้เทพสวรรค์ซืออี้กลับคิดช่วยเย่หยวน เขานั้นไม่ได้ติดใจเรื่องที่เย่หยวนแย่งชิงเหรียญของเขาไปแล้วหรืออย่างไร?
แต่ในเวลานั้นเองเย่หยวนกลับยิ้มตอบกลับมา “พี่ซืออี้มีความหวังดี เย่ผู้นี้ได้รับไว้แล้ว แต่เย่ผู้นี้เป็นผู้ยืดมั่นในคำของตน จะไม่ยอมกลับคำแน่ มันยังมีอีกสูตรหนึ่งเหลืออยู่มิใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่แน่เสียหน่อยว่าใครจะแพ้ชนะ!”
ได้ยินเช่นนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมาตามๆ กัน
อย่างไรเสียสุดท้ายก็เป็นแค่เด็กน้อย!
ทำลายอนาคตอันสดใสของตนเพราะแค่ไม่ยอมผู้คนเช่นนี้ มันจำเป็นด้วยหรือ?
ที่สำคัญคนที่คิดช่วยเหลือนั้นคือเทพสวรรค์เปียวหยูและเทพสวรรค์ซืออี้สองคนใหญ่คนโต
แต่เจิ้งฉีหยวนที่ได้ยินกลับรู้สึกสะใจขึ้นมา เขาได้แต่หัวเราะเย้ยขึ้น “เด็กน้อย อย่าได้มาอวดอ้างตัวเองอีกเลย เจ้านั้นคิดว่าตัวเองมีเปียวหยูหนุนหลังอยู่ใช่หรือไม่เล่า? จึงไม่ได้กลัวสิ่งใดเช่นนี้?”
เย่หยวนหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “เจ้าเคยบอกให้ข้าสาบานต่อเต๋าสวรรค์ใช่หรือไม่เล่า? ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...