“ซีด… นี่หรือคือจอมเทพโอสถ? โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดก็ยังหลอมได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล ช่างเป็นฝีมือที่เหนือล้ำจนน่ากลัว!”
“มันเป็นขั้นเทวะวิญญาณไพศาลทั้งคู่ใช่หรือไม่? เช่นนั้นเท่ากับว่าเสมอหรือ?”
“ในสายตาของข้าแล้วข้าว่าเทพสวรรค์ดันหยู่ย่อมจะเหนือล้ำกว่า! เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียท่านก็ก้าวขึ้นมาอยู่ในอาณาจักรบรรพกาลมานานกว่า!”
…
เมื่อคนทั้งสองหลอมได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลพร้อมๆ กันมันจึงทำให้เกิดเสียงฮือฮาคาดเดาไปต่างๆ นานา
การที่สามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดความยากเก้าขึ้นไปถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันย่อมจะแสดงให้เห็นได้อย่างแจ่มชัดว่าอาณาจักรบรรพกาลนั้นเก่งกาจปานใด
เมื่อโอสถนั้นขึ้นไปถึงระดับเจ็ดแล้วมันย่อมจะมีความยากที่พุ่งทะยานฟ้าอย่างไม่อาจเทียบกับระดับก่อนหน้าได้
เพราะฉะนั้นสองยอดฝีมืออาณาจักรบรรพกาลนี้จึงได้ใช้เวลาไปถึงสามวันสามคืนกว่าที่จะสามาราถหลอมโอสถเก้าชีวิตแก่นสวรรค์ออกมาได้
ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ทุกผู้คนต่างยังคงถกเถียงกันด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
แม้ว่าคนทั้งสองจะมีกำลังฝีมือเทียบเคียงกันได้ แต่เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นย่อมจะมีประสบการณ์มากกว่าเพราะฉะนั้นหลายต่อหลายคนจึงคิดว่าเทพสวรรค์ดันหยู่จะชนะ
เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นยืนมองเทพสวรรค์เปียวหยูพร้อมมือไขว้หลังก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าบรรลุอาณาจักรบรรพกาลมามันทำให้เทพสวรรค์ผู้นี้ตกตะลึงมากก็จริง แต่ทว่า… จะอย่างไรเสียเจ้าก็ยังเป็นได้แค่มือใหม่ในอาณาจักรบรรพกาล! ศึกนี้เจ้าแพ้แน่นอน!”
เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มตอบกลับไป “เจ้าเองก็อยู่ในตำแหน่งผู้นำพันธมิตรมานานแสนนานจนลืมคมของตนไปสิ้น เทพสวรรค์ดันหยู่ก่อนหน้านั้นเลือดร้อนเก่งกาจเฉียบคมปานใด? ทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า เอาชนะยอดอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน ก้าวขึ้นถึงตำแหน่งผู้นำพันธมิตร แต่น่าเสียดายที่เจ้านั้นยืนอยู่สูงล้ำนานเกินไป ตอนนี้เจ้าจึงกลัวการท้าทายใดๆ กลัวความผิดพลาดทั้งหลาย เจ้าจึงจะต้องแพ้พ่ายอย่างแน่นอน!”
เทพสวรรค์ดันหยู่หัวเราะออกมา “ไร้สาระ! เทพสวรรค์ผู้นี้ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลนับแสนปีแล้ว ยืมมองทุกสิ่งอย่างด้วยความสูงส่งจนขุนเขายังดูเล็กจ้อย! เหตุใดข้าต้องกลัวความล้มเหลวด้วย? มีหรือที่ข้าจะกลัวคำท้าทาย? เพราะไม่ว่าจะอยากไรมันก็ไม่มีใครจะท้าทายข้าได้อยู่แล้ว!”
เทพสวรรค์เปียวหยูยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นผลเป็นอย่างไรเล่าเหล่าสหายทั้งหลาย?”
แต่ในเวลานี้สีหน้าของเหล่าเจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้ากลับดูแปลกประหลาดไป
เมื่อได้ยินเทพสวรรค์เปียวหยูถาม เทพสวรรค์ลี่หยางจึงตอบกลับมาพร้อมถอนหายใจ “พวกเจ้าทั้งสองนั้นหลอมโอสถได้ทรงคุณภาพมาก สูงส่งจนแทบไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในโลกหล้า! เพียงแค่ว่า… โอสถของพี่เปียวหยูนั้นเหนือกว่าไปขั้นหนึ่ง!”
เทพสวรรค์ดันหยู่ที่ได้ยินก็หน้าถอดสีทันที สองตาเบิกกว้างร้องถามขึ้น “บ้าน่า! เขาเพิ่งที่จะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรบรรพกาล มีหรือที่จะชนะข้าได้?”
เทพสวรรค์หลัวซุ่ยเองก็ถอนหายใจพูดขึ้นตาม “พี่ดันหยู่ โอสถของเจ้านั้นมีคุณภาพสูงส่งจริง แต่ของน้องเปียวหยูนั้นมันก้าวขึ้นไปจนเกือบถึงขั้นเทวะวิญญาณมรณา! หากเทียบกันแล้วมันย่อมจะชนะไปอย่างฉิวเฉียด!”
คนทั้งสามที่เหนือเองก็แสดงท่าทีเห็นด้วยออกมา
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียโอสถมีคุณภาพขั้นใดแค่ได้มองมันก็รู้ทันที แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะไม่มาตบตาผู้คนกลางวันแสกๆ เช่นนี้
เทพสวรรค์ดันหยู่แสดงสีหน้าไม่คิดอยากเชื่อออกมาจึงรีบมุ่งหน้าเข้ามาจับขวดโอสถทั้งสองพร้อมส่งจิตศักดิ์สิทธิ์ลงไปตรวจดูภายใน
แต่เมื่อได้ลองสัมผัสดูสีหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที
เพราะโอสถของเทพสวรรค์เปียวหยูมันเหนือกว่าโอสถของเขาไปจริง
แม้ว่ามันจะเป็นความต่างที่แสนเล็กน้อย แต่แพ้มันก็คือแพ้
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เรื่องเช่นนี้มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” เทพสวรรค์ดันหยู่ร้องขึ้นมาเพราะความตื่นตะลึง ดูท่าคงไม่อยากเชื่อผลลัพธ์นี้อย่างสุดหัวใจ
และแน่นอนว่าเหล่านักหลอมโอสถหลายคนที่บูชาเขาราวกับเป็นเทพเจ้าย่อมจะคิดเช่นเดียวกัน
“ท่านดันหยู่… แพ้จริงหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร? ต่อให้เทพสวรรค์เปียวหยูจะก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรบรรพกาลได้จริงแต่เขาก็ยังคงจะตามหลังท่านดันหยู่อยู่นับแสนปี มีหรือที่จะชนะเอาได้ง่ายๆ เช่นนี้?”
“เฮ้อ ถึงเวลาสิ้นสุดยุคสมัยแล้วสินะ!”
…
ใช่แล้ว จุดสิ้นสุดของยุคสมัยมันมาถึงเช่นนี้!
เวลานี้ยุคสมัยของเทพสวรรค์ดันหยู่ได้จบสิ้นลง และเริ่มต้นยุคสมัยของเทพสวรรค์เปียวหยูแทน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...