“ศิษย์ยอมรับ! ศิษย์หนิงซืออวี๋ขอกราบอาจารย์!”
หนิงซืออวี๋นั้นแสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมาเต็มใบหน้าก้มหัวลงจรดพื้นต่อหน้าเย่หยวน
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมันก็ปรากฏน้ำตาไหลหลั่งลงมาท่วมหน้า
ตั้งแต่วันที่นางได้เห็นวิชาโอสถของเย่หยวนในตอนนั้น หนิงซืออวี๋ก็เคารพเย่หยวนอย่างสุดตัว
ซวนอี้นั้นไม่อาจจะสั่งสอนใดๆ ให้แก่หนิงซืออวี่ได้อีกต่อไป การจะเปลี่ยนกราบอาจารย์คนใหม่มันจึงมิใช่เรื่องแปลกประหลาด
เว้นเสียแต่ว่าการจะให้เย่หยวนยอมรับนับนางเป็นศิษย์นั้นมันเป็นเรื่องแสนยากเย็น
การบ่มเพาะอยู่ข้างกายเย่หยวนมานานปี นางนั้นพยายามพัฒนาตนอย่างสุดฝีมือเพื่อที่จะก้าวตามรอยเท้าของเย่หยวนให้ทัน เพื่อที่จะได้การยอมรับการตัวเย่หยวน
แต่น่าเสียดายความช่องว่างระหว่างคนทั้งสองนั้นมันจะมีแต่กว้างขึ้นและกว้างขึ้น
จนถึงวันนี้ที่ในที่สุดนางก็ได้รับการยอมรับจากเย่หยวน แน่นอนว่าน้ำตาแห่งความปิติมันจะต้องหลั่งไหลออกมาล้นใบหน้าแล้ว
“ที่แท้… หนิงซืออวี๋ก็เป็นเพียงแค่สาวใช้ของปรมาจารย์เย่จริงๆ!”
“แค่สาวใช้ผู้หนึ่งกลับสามารถเก่งกาจได้ถึงปานนี้ ปรมาจารย์เย่จะต้องมีวิชาการสอนที่เหนือล้ำปานใดกันนี่!”
“เฮ้อ น่าเสียดายที่ข้าก้าวขึ้นไปมิถึงยี่สิบอันดับแรก ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะต้องไปลองด้วยแน่ๆ หากข้าได้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์เย่แล้วคงพุ่งทะยานขึ้นฟ้าได้อย่างง่ายดายแน่นอน!”
…
ในลานกว้างเวลานี้คนนับหมื่นนั้นต่างจ้องมองไปยังหนิงซืออวี๋อย่างอิจฉาริษยาจนถึงที่สุด
ส่วนคนทั้งสามสิบเก้าที่เหลือนั้นย่อมจะแสดงสีหน้าอิจฉาออกมาจนเห็นได้ชัด
พวกเขานั้นไม่ทราบได้เลยว่าเย่หยวนจะยอมรับพวกเขาทั้งหลายเป็นศิษย์หรือไม่ แต่พวกเขาทั้งหลายก็เลือกที่จะลองเสี่ยงดู
หากถูกเย่หยวนเลือกแล้ว พวกเขาทั้งหลายคงเก่งกาจสะท้านฟ้าได้อย่างง่ายดาย
เพราะในเวลานี้ตัวเย่หยวนเองก็อยุ่ที่อาณาจักรบรรพกาลครึ่งก้าว วันหน้าย่อมจะก้าวขึ้นไปถึงได้แน่ เช่นนั้นแล้วมันจะแตกต่างใดหากจะเลือกเย่หยวนแทนเหล่ายอดคนอาณาจักรบรรพกาลทั้งหลาย?
ที่ด้านบนที่นั่งปรมาจารย์นั้นเย่หยวนค่อยๆ พยักหน้าออกมารับการกราบนี้และหันหน้าออกไปพูดกับคนที่เหลือ “ส่วนพวกเจ้าทั้งหลาย แยกย้ายไปได้แล้ว”
นั่นทำให้สีหน้าของทุกผู้คนซีดเผือดลงทันที มองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง
“ปรมาจารย์เย่ นี่มัน… นี่มัน… ช่วยพิจารณาใหม่ด้วยเถอะ!” หลัวเทียนฉีกล่าวขึ้นอย่างไม่คิดยอมรับ
หยุนยี่ได้แต่กัดฟันแน่นด้วยท่าทางไม่คิดอยากยอมรับเช่นกัน
เขานั้นต้องใช้ความกล้าแค่ไหนกว่าจะมายืนตรงนี้ได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดจะโอกาสเขาแม้แต่น้อย
คนอื่นๆ เองก็คิดพูดขึ้นมาตามๆ กันคิดอยากให้เย่หยวนเปลี่ยนใจ
เย่หยวนที่ได้ยินจึงขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”
นั่นทำให้พวกเขาทั้งหลายต้องเงียบปากลงในทันที
เย่หยวนนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากแค่ติดอันดับสูงๆ ก็หมายความว่าพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ข้าได้ เจ้าคิดว่าหนิงซืออวี๋นางนี้จะต้องรอถึงวันนี้หรือ? อย่าได้มาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าข้าอีก!”
เรื่องของจีชางหลานนั้นมันยังคงฝังอยู่ในจิตใจของเย่หยวนจนทำให้เขาไม่อาจจะกล้าทำอะไรลวกๆ อีกต่อไป
เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดสงสัยความสามารถพรสวรรค์ของคนทั้งหลาย แต่มันเกี่ยวข้องใดกันเขาเล่า?
ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์เก่งกาจปานใด สุดท้ายมันก็เป็นแค่พรสวรรค์ของคนแปลกหน้า
คนทั้งสามสิบเก้านั้นหน้าเสียจนถึงที่สุด
เพราะเย่หยวนนั้นไม่ได้ทำการเหมือนคนปกติธรรมดาทำกันแม้แต่น้อย!
ในงานครั้งก่อนๆ นั้นเหล่ายอดอัจฉริยะย่อมจะเป็นทรัพยากรที่เป็นที่ต้องการมาก
ไม่ว่าเหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายจะแสดงสีหน้าท่าทางเรียบเฉยปานใดออกมา แต่ในจิตใจของพวกเขาก็ย่อมจะรู้ดีว่ายอดอัจฉริยะจากงานชุมนุมโอสถเมฆานี้มันล้ำค่าปานใด
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดแม้แต่จะหันมามอง
นั่นทำให้เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายได้แต่มองดูภาพนี้อย่างมึนงง เหล่าอัฉริยะทั้งหลายที่พวกเขาขอยังไม่คิดมา แต่กลับถูกเย่หยวนไล่ทิ้งเป็นหมูเป็นหมา
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ที่เช่นนั้นที่เพิ่งจะเติบโตขึ้นมาได้ไม่นานมันย่อมจะขาดแคลนยอดอัจฉริยะเป็นแน่แท้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...