“ที่แท้แล้วมันเป็นเช่นนี้! ที่แท้เรื่องนั้นมันเป็นอย่างนั้น!”
ภายในกลุ่มคนมากมายนั้นหลินตงได้แต่เบิกตากว้างขึ้นและกว้างขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเมฆหมอกความลึกลับตรงหน้ามันได้ถูกปัดเป่าหายไปสิ้นด้วยแสงสว่างจ้าตรงหน้าเขานี้
เมื่อได้ลองฟังไปเต็มๆ หนึ่งวันหนึ่งคืนในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปัดเป่าความมืดดำไม่เข้าใจของตนไปสิ้น
ความสงสัยคาใจใดๆ ที่เคยมีของเขามันได้ถูกเย่หยวนแก้ไขไปทีละอย่างทีละอย่าง
หลินตงนั้นได้เข้าใจอย่างสุดซึ้งว่าการสอนบรรยายของปรมาจารย์เย่นี้มันแตกต่างจากของเทพสวรรค์ดันหยู่มาก
เพราะเรื่องราวที่เทพสวรรค์ดันหยู่บรรยายพูดนั้นมันดูลึกลับซับซ้อนจนไม่อาจทำความเข้าใจได้ หลังได้ฟังดูมันอาจจะดูเหนือล้ำแต่หากได้ลองคิดตามดูจริงๆ แล้วเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าตนเองไม่อาจทำความเข้าใจได้แม้แต่น้อย
แต่การบรรยายของปรมาจารย์เย่นี้มันเหมือนเป็นคำสอนที่พูดบอกแก่ตัวเขาโดยเฉพาะ
เต๋านั้นอยู่ที่ใด ความหมายของมันสามารถทำความเข้าใจได้ แต่เป็นการยากนักที่จะอธิบายมันออกมาให้แก่ใคร
ไม่ว่าจะมีอาณาจักรความรู้ที่สูงส่งปานใด ไม่ว่าจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำปานใด หากการสั่งสอนมันไม่ถูกต้องแล้วผู้คนทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจจะเข้าใจมันได้
แต่การบรรยายของเย่หยวนนี้มันเป็นเหมือนการสั่งสอนของครูบาอาจารย์ผู้ชำนาญการ อธิบายวิเคราะห์เต๋าออกมาด้วยความแม่นยำและเข้าใจง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่านักหลอมโอสถระดับล่างๆ ทั้งหลายแล้ว มันยิ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล
เรื่องของการบรรยายนี้หากไม่ได้ทำมันก็แล้วไป แต่หากจำต้องทำแล้วเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดที่จะทำมันอย่างครึ่งๆ กลางๆ เขาได้เตรียมการสอนมาอย่างดี
และในเมื่อเหล่าคนทั้งหลายที่จะมาร่วมฟังในครั้งนี้มันเป็นเหล่านักหลอมโอสถอาณาจักรต้นขั้นต้นและขั้นกลาง เย่หยวนจึงได้เตรียมการสอนมาบรรยายโดยเฉพาะกับกลุ่มนี้
กับตัวเย่หยวนในเวลานี้แล้ว ความรู้ของอาณาจักรนี้มันง่ายแสนง่ายจะอธิบายออกมาก็ไม่ต้องเตรียมการใดๆ มากมาย
แต่เมื่อผู้คนทั้งหลายได้ยินได้ฟังแล้วมันราวกับว่าได้ฟังท่วงทำนองแห่งยอดเต๋า เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้
ตอนนี้คลื่นพลังบนร่างของหลินตงมันค่อยๆ ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมด้วยคลื่นพลังเต๋าประหลาดที่ตกลงมาใส่ร่างกายของเขา
“หืม? เดี๋ยวนะ ช่างเป็นคลื่นพลังที่ประหลาดนัก! นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันนี่?”
หลินตงนั้นตื่นตกใจอย่างมากเพราะเขารู้สึกราวกับว่าคลื่นพลังแนวคิดรอบๆ กายนี้มันรุนแรงหนักหนาจนเกินไป
สภาพรอบกายของเขาในเวลานี้มันราวกับว่าฟ้าถล่มลงมาทับผู้คน
คลื่นพลังแนวคิดมหาศาลไหลเวียนวนรอบกาย มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตนได้แหวกว่ายเข้าไปกลางทะเลเต๋าโอสถ
แต่ที่มากไปกว่าความตื่นตกใจก็คือความตื่นเต้นดีใจ
การได้เห็นเต๋าโอสถอยู่ตรงหน้าเช่นนี้มันย่อมราวกับได้เห็นภูเขาสมบัติอยู่ตรงหน้า มีหรือที่เขาจะยอมกลับไปมือเปล่า?
เพราะฉะนั้นในเวลานี้เขาจึงได้พยายามไล่คว้าแนวคิดจากเต๋าโอสถทั้งหลายนั้น!
หลินตงนั้นยังคงฟังไปอย่างมีสมาธิ ทำให้ตัวเขาไม่ได้เห็นเลยว่าเวลานี้ทั้งจัตุรัสพึงสวรรค์ที่มีเย่หยวนเป็นศูนย์กลางนั้นมันได้ถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบไม่อาจหายใจได้
นี่มันคือทะเลผู้คนนับแสนๆ คน!
และในหมู่คนทั้งหลายนี้หลายต่อหลายคนก็ได้มีสภาพไม่ต่างจากหลินตงคือติดอยู่ในจุดตายมานานหลายปีอย่างที่ไม่อาจพัฒนาตนไปได้
ในช่วงเวลาหลายวันมานี้คนทั้งหลายที่ติดย่ำอยู่ที่เดิมมานานหลายต่อหลายปีเริ่มจะก้าวเดินพัฒนาตนเองได้อีกครั้งเพราะการสอนบรรยายอันแตกฉานของเย่หยวน
ตอนนี้ ณ จัตุรัสที่เทพสวรรค์ดันหยู่ทำการสอนอยู่ไม่มันไม่ผู้คนอีกต่อไปแม้สักคน
เขาจึงได้หยุดการบรรยายใดๆ และเริ่มเข้าสู่การทำสมาธิแทน
แต่ในเวลานั้นเองที่สองตาของเขาต้องพลันเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงจ้องมองลงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้
ตอนนี้คลื่นพลังแนวคิดอันมหาศาลมันได้ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าจนครอบยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาไว้สิ้น
แม้ว่าจะอยู่แสนห่างไกลแต่เทพสวรรค์ดันหยู่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความไร้สิ้นสุดของมัน
พลังแนวคิดอันไร้สิ้นสุดนี้มันสุดแสนน่ากลัว ต่อให้เป็นตอนที่ตัวเขาบรรลุขึ้นอาณาจักรบรรพกาลมาเองก็ยังไม่อาจจะสร้างคลื่นพลังแนวคิดอันรุนแรงหนักหน่วงได้ปานนี้
“นี่มัน… ทะเลแห่งแนวคิดจุติลงมาหรือ?” เทพสวรรค์ดันหยู่กล่าวขึ้นอย่างตื่นตะลึง
จากนั้นร่างของเขาก็ขยับไหวจางหายไปทันที
ที่ด้านตะวันออกของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอสถเมฆาเอง ณ จัตุรัสที่เทพสวรรค์เปียวหยูทำการบรรยายอยู่มันก็มีสภาพะรกร้างไร้ผู้คนไม่ต่างกัน
แต่จู่ๆ สองตาของเทพสวรรค์เปียวหยูก็ต้องเบิกกว้างขึ้นจ้องมองไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้
“นี่มัน…”
เทพสวรรค์เปียวหยูพูดออกมาได้แค่สองคำก็ขยับร่างพุ่งตัวหายไปทันที
ฟุบ!
ฟุบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...