ในหมู่เทพสวรรค์ทั้งหลายในที่นี้มีใครบ้างที่ไม่ขาดทุนย่อยยับ?
ในเวลานับแสนๆ ปีมานี้พันธมิตรแดนใต้ได้กินส่วนแบ่งกว่าเจ็ดในสิบของตลาดโอสถในแดนใต้ไป แน่นอนว่าทรัพย์สินใดๆ พวกเขามีมันย่อมเหนือล้ำกว่าที่จะนับ
เพียงแค่ว่าไม่ว่ามันจะมีมากเท่าไหร่ มันก็มิใช่จะไม่หมด!
ที่สำคัญกว่านั้นคือแม้พวกเขาจะมีกำไรมากมายแต่ส่วนมากนั้นมันก็ต้องจ่ายไปให้แก่ทางวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย
เพราะหากไม่มีจักรพรรดิเทพสวรรค์คุ้มหัวแล้วพวกเขามันก็ไม่ได้มีค่าใด
เหมือนอย่างทางหอมหาสมบัตินั้นที่เปียวหยูกล้าจะตัดขาดจากพันธมิตรมันก็เป็นเพราะว่าเขามีจักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาอยู่เบื้องหลัง
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่ผู้คนทั้งหลายนี้จะทำแค่สงครามการค้ากับเทพสวรรค์เปียวหยู? พวกเขาทั้งหลายนี้คงได้รวมตัวกันเข้าบุกทำลายร้านของหอมหาสมบัติไปนานแสนนานแล้ว
เวลาเก้าปีที่ผ่านมานี้ ผู้คนทั้งหลายต่างเครียดจนหัวหงอกขาว
การต่อสู้ในสงครามที่ไม่มีวันชนะนั้นมันไร้ค่าไร้ความหมายใด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องที่เทพสวรรค์เจาหยวนและตระกูลโบราณทั้งเจ็ดทำนั้น มันได้ทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บกันอย่างสาหัส
เทพสวรรค์ดันหยู่ได้แต่นั่งนิ่งกัดฟันด้วยความแค้น “ช่างเป็นเรื่องน่าฉิบหายจริงๆ! ไม่นึกเลยว่าตระกูลโบราณทั้งเจ็ดนั้นมันจะถูกดึงตัวไประหว่างที่เราไม่รู้!”
เทพสวรรค์ลี่หยางถอนหายใจยาวออกมาตาม “ไพ่ในมือของฝั่งนั้นมันแข็งแกร่งปานนั้น! ต่อให้เป็นเจ็ดตระกูลโบราณเองก็คงไม่อาจทนได้เมื่อเห็นโอสถทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรเสียโอสถที่ดีมันก็คือพลังอำนาจ!”
พลังของโอสถนั้นมันสุดแสนจะเหนือล้ำ สามารถสร้างตระกูลใหญ่ขึ้นมาได้ในเวลาแค่ไม่กี่พันปี
เหมือนอย่างเรื่องของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ได้มีนภาสวรรค์เดินกันทั่วเมืองในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีด้วยฝีมือของเย่หยวน
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เย่หยวนมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ใหม่ๆ นั้น นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์มันมีอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น!
และนี่แหละคือตัวอย่างที่ดีว่าโอสถมันทรงพลังแค่ไหน
หอมหาสมบัตินั้นได้ยกแผงเอาโอสถชนิดใหม่ออกมาขายพร้อมๆ นับสิบกันมีหรือที่เหล่าตระกูลโบราณทั้งเจ็ดนั้นจะไม่หันมาสนใจได้?
“เฮ้อ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วพูดคุยปรึกษาใดๆ มันก็คงไร้ค่า ในสายตาของข้าแล้วเราควรไปก้มหัวต่อหอมหาสมบัติเสียที!” เทพสวรรค์เฉิงเฟิงบอก
ตัวเขาและเทพสวรรค์เหลียวหมิงนั้นเป็นสหายกัน ก่อนหน้านั้นตัวเทพสวรรค์เหลียวหมิงก็ห้ามไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับเรื่องราวนี้อย่างสุดตัว
แต่ต่อหน้าผลประโยชน์อันมหาศาล เทพสวรรค์เฉิงเฟิงจึงถูกความโลภบังตา
แน่นอนว่าส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่เชื่อว่าเย่หยวนน้อยผู้นั้นจะพลิกฟ้าดินแดนใต้นี้ได้จริง
แต่ตอนนี้เขากลับต้องถูกตบหน้าฉาดใหญ่
เพราะฟ้าดินของแดนใต้นี้มันถูกพลิกขึ้นมาจริงๆ!
ด้วยสงครามครั้งนี้ทางพันธมิตรแดนใต้ก็ได้รับผลความเสียหายกันอย่างถ้วนหน้า ในวันหน้าพวกเขาคงมีแต่ต้องก้มหัวทำตามหอมหาสมบัติไป
พูดนี้ของเทพสวรรค์เฉิงเฟิงนั้นมันได้ทิ่มแทงจิตใจของทุกผู้คน
‘ก้มหัว’ มันเป็นคำง่ายๆ ที่ติดอยู่ที่ริบฝีมือปากของพวกเขาทุกผู้คนอย่างไม่อาจสลัดออกมาได้
เพราะพวกเขาทั้งหลายนี้มีใครบ้างเล่าที่มิใช่ยอดคนผู้ยืนอยู่เหนือโลกหล้า? จะบอกให้พวกเขาก้มหัวนั้นมันย่อมน่าอับอายเกินกว่าจะพูดกล่าวออกมาได้
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาทั้งหลายย่อมจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดี
แต่ว่าศักดิ์ศรีมันค้ำคอ
แลกชีวิตศัตรูหนึ่งพันด้วยทหารแปดร้อย
พวกเขานั้นย่อมที่จะตายตกไปตามกันดีกว่ายอมก้มหัวให้แก่ทางหอมหาสมบัติ
แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เมื่อวันที่ความตายมันได้มาเยือนจริงๆ สุดท้ายพวกเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง!
“ไม่มีทางล่ะ! พันธมิตรแดนใต้เรานั้นเป็นหนึ่งในวงการโอสถแห่งแดนใต้ ตอนนี้เรากลับต้องไปก้มหัวให้หอมหาสมบัติหรือ? เช่นนั้นวันหน้าใครจะยังมาคิดให้เกียรติพันธมิตรเราอีกเล่า?” เทพสวรรค์ออหยุนร้องค้านขึ้น
แน่นอนว่าเขาพูดออกมาด้วยเหตุผล แต่ทุกผู้คนต่างรู้ว่าเขาแค่วางแผนจะไม่ยอมรับ
เพียงแค่ว่าคำพูดนี้เองมันก็จี้ใจดำของพวกเขาทั้งหลายอย่างหนักหน่วงจนไม่มีใครกล้าจะพูดจาใดๆ ขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...