จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2065

มิติสั่นสะท้านเผยให้เห็นร่างของเด็กสาวเดินแหวกออกมาด้วยคลื่นพลังชีวิตอันหนาแน่น

หญิงสาวที่เดินนำออกมาก่อนนั้นมีชุดสีขาวราวหิมะ แม้ว่านางนั้นจะเป็นสาวงามแต่ก็มีใบหน้าเรียบเฉยพร้อมด้วยคิ้วที่แสดงความดุดัน เรียกได้ว่าเป็นสาวงามที่มีใบหน้าไล่แขกอย่างแท้จริง

คนทั้งหลายนี้เงยหน้าขึ้นมองดูภาพตรงหน้า มันเป็นภาพเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านไม่เกรงกลัวฟ้าดิน

เด็กสาวอีกคนที่ด้านข้างหญิงสาวชุดขาวนั้นพูดกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ซุน นี่มันเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่ศิษย์น้องมันว่าจริงๆ หรือ? ข้าไม่นึกเลยว่าเมืองจักรพรรดิมันจะยิ่งใหญ่ได้ถึงปานนี้!”

เมื่อพูดถึงศิษย์น้องขึ้นมาสีหน้าของนางก็แสดงความดูถูกอย่างเต็มเปี่ยม

ศิษย์พี่ซุนนางนั้นจึงได้กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “แค่เมืองจักรพรรดิก็วางท่าหรูหรา ผู้ดูแลเมืองนี้มันจะต้องเป็นพวกขี้อวดโม้ตนอย่างแน่นอน คงไม่ได้ส่งส่วยให้เจ้านายตามเรื่องราวแน่ หึ! แค่พูดถึงนังเด็กคนนั้นข้าก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้ว! หากมิใช่เพราะมันแล้วมีหรือที่ข้าจะต้องลำบากเดินทางจากแดนเหนือเราผ่านเขาแห่งถงเทียนลงมาถึงแดนใต้อันห่างไกลนี้”

ศิษย์น้องผู้นั้นจึงยิ้มตอบกลับมา “นังเด็กคนนั้นมันคิดว่าตนมีกายเทวะหยินล้ำแล้วก็จะดูถูกศิษย์พี่ได้ บุญคุณที่อาจารย์มีต่อมันนั้นหนักล้ำเหนือฟ้าแต่มันกลับไม่คิดตอบแทนใดๆ ทั้งยังถึงขั้นใช้ให้ศิษย์พี่ต้องเดินทางมาจับตัวผู้คนถึงที่นี่! ช่างชั่วช้าจริงๆ! เมื่อใดที่เราจับคนรักของนางได้นั้นเราจะต้องสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ”

ศิษย์พี่ซุนนางนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ออกมา “มาเถอะ ตอนนี้เข้าเมืองกันก่อนค่อยว่า ก่อนอื่นเราต้องสืบหาเรื่องราวของเด็กคนนั้นมันก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วหากไปตีหญ้าให้งูตื่นก่อนมันจะเสียเรื่องเอา”

คนทั้งหลายนี้จึงได้มุ่งหน้าเดินทางเข้าไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์

แต่หลังจากเข้ามาถึงในตัวเมืองแล้วพวกนางทั้งหลายจึงได้สัมผัสว่าแท้จริงแล้วเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเจริญรุ่งเรืองปานใด ดูแล้วมันไม่ด้อยไปกว่าเมืองหลวงจักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ ทำให้พวกนางทั้งหลายต้องตื่นตะลึง

หากมองจากแค่จำนวนนักยุทธในเมืองแล้ว เมืองนี้มันคงไม่นับว่าใหญ่โตใดๆ

“ศิษย์พี่ซุน นี่มันเมืองจักรพรรดิจริงๆ หรือ? ทำไมข้าจึงรู้สึกว่ามันเจริญเสียยิ่งกว่าเมืองหลวงจักรพรรดิบางที่อีกเล่า?” ศิษย์น้องนางนั้นมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตะลึงในหัวใจ

ศิษย์พี่ซุนนางนั้นจึงตอบกลับมาพร้อมขมวดคิ้ว “ที่แห่งนี้มันมีร้านโอสถอยู่มากมายเหลือเกิน ทั้งยังมีนักหลอมโอสถเดินขวักไขว่ ดูราวกับจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถ นังเด็กคนนั้นมันบอกว่าคนรักของมันเป็นนักหลอมโอสถเช่นกัน ดูท่าคงไม่ผิดที่แน่แล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยมอยู่ เราเข้าไปสืบสาวเรื่องราวกันเถอะ”

คนทั้งหลายเดินเข้ามายังโรงเตี๊ยมข้างทางนั้นและได้นั่งลงยังโต๊ะริมหน้าต่างชั้นสองของร้าน

เมื่อพนักงานของร้านเดินเข้ามาถึงศิษย์น้องคนนั้นก็กล่าวถามขึ้นทันที “น้องชาย ดูเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเจ้านี้จะมีนักหลอมโอสถมากมายเหลือเกินนะ!”

เมื่อพนักงานผู้นั้นได้ยินเขาก็รีบหันหน้ากลับมาหาด้วยท่าทางภูมิใจ “นายหญิงทั้งหลาย พวกท่านคงเดินทางมาจากดินแดนอื่นแล้ว? หึๆ เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเรานั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถอันดับหนึ่งของแดนใต้นี้ หากท่านคิดจะมาหาซื้อโอสถแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าท่านมาถูกที่แล้ว”

เมื่อศิษย์น้องหญิงคนนั้นได้ยินนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น

ศิษย์น้องอีกผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “อันดับหนึ่งในแดนใต้? แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ ก็กล้าเอาชื่อนั้นมาใช้หรือ? เมืองของพวกเจ้านี้มันสุดแสนห่างไกลและเจ้าเองก็คงไม่เคยจะได้เห็นโลกกว้างใช่ไหมเล่า?”

คำพูดของนางนั้นมันหมายถึงว่าคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเป็นแค่กบในกะลาไม่รู้จักโลกหล้าที่แท้จริง

เพียงแค่ว่าคำพูดของนางนี้มันกลับทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นรอบๆ โรงเตี๊ยมแทน

“สาวน้อย คนที่ไม่เคยได้เห็นโลกหล้านั้นมันเป็นพวกเจ้ามากกว่าล่ะมั้ง! เจ้าลองไปถามใครดูก็ได้ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถอันดับหนึ่งในแดนใต้หรือไม่ ข้าขอรับประกันเลยว่ามันคือความจริง!”

“ฮ่าๆ ต่อให้เป็นจอมเทพโอสถเจ็ดดาวแต่หากมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้วพวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหัวลงเดิน!”

“สาวน้อย เวลาจะออกบ้านไปไหนก็ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วพอไปถึงจะกลายเป็นตัวตลกเช่นนี้เอา!”

เสียงหัวเราะทั้งหลายนั้นดังขึ้นรอบด้านจนทำให้คนทั้งหลายนี้แทบควบคุมตัวไม่อยู่

ศิษย์น้องคนนั้นหน้าแดงก่ำจนแทบจะลุกขึ้นตวาดว่าแต่ศิษย์พี่ซุนกลับห้ามนางไว้ด้วยเสียงกระแอมเสียก่อน

ศิษย์พี่ซุนนั้นหันไปถามพนักงานบริกร “น้องชายท่านนี้ ในเมื่อเจ้าว่าที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการโอสถแล้ว เจ้าพอจะรู้จักเด็กหนุ่มนามเย่หยวนหรือไม่?”

และระหว่างที่พนักงานผู้นั้นยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ศิษย์พี่ซุนนางนั้นก็ได้กล่าวขึ้นเสริม “ได้ยินว่าอายุของเขาน่าจะยังไม่มาก และมีวิชาโอสถที่… พอใช้ได้”

เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมาทั้งโรงเตี๊ยมก็เงียบลงทันทีพร้อมด้วยสีหน้าแปลกๆ ของคนทั้งหลาย

ศิษย์พี่ซุนนางนั้นสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในพริบตา หรือว่าตัวนางจะไปพูดถึงเรื่องต้องห้ามใดเข้าแล้ว?

แต่นางเองก็ไม่ได้คิดใส่ใจใดๆ มากมาย แค่เมืองจักรพรรดิน้อยๆ ต่อให้จะมีข้อห้ามใดแล้วพวกนางจะเกรงกลัวหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ