เมื่อกลับมาถึงจวนเจ้าเมืองเย่หยวนก็ไม่มีรอที่จะเริ่มการสอบสวนเรื่องราวจากเหล่าพวกศิษย์พี่ซุนนางนี้
ลู่เอ๋อนั้นจากไปนับพันปีอย่างไร้ข่าวคราว
เวลากว่าพันปีนี้เย่หยวนกังวลเรื่องราวของนางอย่างมาก
เพียงแค่ว่ามหาพิภพถงเทียนนั้นใหญ่โต มีหรือที่เย่หยวนจะมีปัญญาออกไปตามหาได้ง่ายๆ?
ตอนนี้เมื่อได้ยินข่าวเรื่องราวของลู่เอ๋อ เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในหัวใจอย่างไม่จบสิ้น
ที่สำคัญกว่านั้นคือข่าวนี้มันมาพร้อมกับเรื่องราวที่ไม่พึงปรารถนาด้วย
หนิงเทียนปิงนั้นลากตัวศิษย์พี่ซุนนางนั้นมาทิ้งไว้ตรงหน้าบัลลังก์ของเย่หยวนก่อนที่นางจะต้องกระอักไอออกมาอย่างหนักหน่วง
ห้วนยี่และพวกทั้งหลายต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา
ชายคนนี้จะเก่งกาจจนเกินไปแล้ว แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้ศิษย์พี่ซุนของพวกนางบาดเจ็บสาหัสได้ปานนี้
“พูดมา! ลู่เอ๋ออยู่ที่ใด? หวังว่าเจ้าจะไม่คิดบังคับให้ข้าต้องค้นจิตของเจ้าหรอกนะ!” เย่หยวนมองดูที่ตัวของศิษย์พี่ซุนนางนั้นพร้อมกล่าวขึ้นด้วยเสียงกร้าว
“แค่กๆ… เจ้ามีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับของข้า คิดอยากใช้วิชาค้นจิตกับข้าผู้นี้? แค่กๆ… ก็ลองดูสิ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นเยือก
เย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะไม่สูงเท่าตัวนาง แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเองก็คงไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวนางแน่
หากใช้วิชาค้นจิตออกมาจริงแล้วนอกจากมันจะล้มเหลวแล้วตัวเขายังจะต้องได้รับบาดเจ็บแทนด้วย
เย่หยวนที่ได้ยินก็แสดงใบหน้าจริงจังออกมาทันที “เช่นนั้นก็ตายไปเสียเถอะ!”
เพราะดูท่าแล้วนางมารทั้งหลายนี้ก็คงไม่ได้ปฏิบัติดีงามใดๆ กับลู่เอ๋อแน่ หากตายก็ตายกันไป เย่หยวนย่อมไม่คิดจะเสียใจใดๆ
คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ราวมหาสมุทรของเย่หยวนจึงได้พุ่งทะยานออกมาจากร่างของเขา
นั่นทำให้สีหน้าของเหล่าเด็กสาวทั้งหลายเปลี่ยนไปทันที พวกนางทั้งหลายได้รู้แล้วว่าเวลานี้เย่หยวนคงไม่ได้พูดเล่นแน่แล้ว
การบรรลุขึ้นครั้งก่อนนั้นเย่หยวนได้กินกลืนทะเลแห่งแนวคิดลงไป แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมันจะพัฒนาขึ้นไปจนถึงขีดสุดของอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้ว
“อย่า! ข้าจะพูดแล้วๆ!” ศิษย์พี่ซุนนางนั้นได้แต่ร้องร่ำไห้
“สายไปแล้ว!”
เย่หยวนย่อมไม่คิดจะให้โอกาสใดๆ อีกส่งจิตของตนพุ่งทะลวงลงไปยังทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้ทันที
คลื่นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางนั้นย่อมพยายามที่จะตอบโต้ต่อต้านจิตของเย่หยวน เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจใช้พลังของไข่มุกสยบวิญญาณทำลายแรงต่อต้านใดๆ ทิ้งจนสิ้น
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสงสารอีกฝ่ายแม้แต่น้อย อ่านจิตศักดิ์สิทธิ์ของศิษย์พี่ซุนนางนี้อย่างรุนแรง
เมื่อได้เห็นภาพเรื่องราวทั้งหลายต่างๆ นานา ยิ่งเย่หยวนมองดูไปมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโกรธแค้นหนักมากขึ้นเท่านั้น
ที่แท้แล้วในแดนเหนือนั้นมันมีดินแดนที่เรียกว่าทุ่งราบสุดอุดร ที่แห่งนั้นมันเป็นสถานที่สุดเย็นเยือก ค่ายสำนักที่ปกครองอยู่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลึกล้ำ เรื่องราวอำนาจของที่แห่งนั้นมันไม่ได้เรียบร้อยเหมือนดั่งในแดนใต้ที่ทุกผู้คนต่างมีจักรพรรดิเทพสวรรค์คอยปกป้องคุ้มครอง
เพราะที่แห่งนั้นมันเป็นดินแดนไร้ผู้คนต้องการ ไม่มีจักรพรรดิเทพสวรรค์คนใดคิดสนใจในที่แห่งนั้นแม้แต่น้อย ทำให้ดินแดนนี้มันถูกแบ่งออกตามค่ายสำนักน้อยใหญ่ต่างๆ
และในความเป็นจริงแล้วดินแดนนั้นมันได้มีเก้าค่ายสำนักระดับเทพสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดปกครองอยู่
หนึ่งในเก้าค่ายสำนักเทพสวรรค์นั้นก็คือหอเมฆาน้ำแข็งนี่เอง
เมื่อประมาณหนึ่งพันปีก่อนลู่เอ๋อได้ไปปรากฏตัวที่ทุ่งราบสุดอุดรโดยไม่มีใครทราบสาเหตุและทางเจ้าหอเมฆาน้ำแข็งก็ได้นึกถูกใจรับนางเข้าไว้เป็นศิษย์
ตอนนั้นลู่เอ๋อยังเป็นเพียงแค่ปัจฉิมพระเจ้า แต่วิชาบ่มเพาะของทางหอเมฆาน้ำแข็งนั้นมันเข้ากับลู่เอ๋อเป็นอย่างมาก
ด้วยความที่มีกายเทวะหยินล้ำอยู่กับตัวมันจึงทำให้การบ่มเพาะของนางเป็นไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปแค่พันปีนางก็สามารถบ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ ในเวลานี้นางได้กลับกลายเป็นยอดฝีมือเทพถ่องแท้ห้าดาวไปแล้ว
แต่แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหลายทั้งสิ้นนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะเย่หยวน
ตอนนั้นเขาได้ช่วยแปลงชีพจรเก้าหยินของลู่เอ๋อให้พัฒนากลายเป็นกายเทวะหยินล้ำด้วยโอสถของเขา มันจึงทำให้ลู่เอ๋อมีทุกวันนี้ได้
แต่ระหว่างทางที่ผ่านมานี้ลู่เอ๋อก็ได้พบเจอความยากลำบากมาอย่างมากมาย
ศิษย์พี่ซุนนางนี้อิจฉาความสามารถพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพร้อมทั้งหน้าตาที่สวยงามของลู่เอ๋อ
นั่นทำให้ครั้งหนึ่งลู่เอ๋อได้ทำผิดกฎเข้าและนางผู้นี้ได้จับลู่เอ๋อมาทรมานจนลู่เอ๋อแทบเอาชีวิตไม่รอด
หากมิใช่เพราะศิษย์พี่รองของสำนักช่วยไว้ เย่หยวนคงไม่อาจจะได้พบเจอกับลู่เอ๋ออีกตลอดกาลเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...