“มันเป็นวิชาห้วงมิติเปล่า! เจ้าหมอนี่เข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติลึกล้ำปานนั้นหรือ?”
เทพสวรรค์เทียนจือร้องขึ้นอย่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้านั้น
เดิมทีแล้วพวกเขาย่อมจะคิดว่าเทพสวรรค์กู้หงนั้นต้องตายแน่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายกลับจะใช้วิชาห้วงมิติเปล่าหลบหนีไปต่อหน้าต่อตา
ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ขั้นปลายอย่างเทพสวรรค์ห่าวเฟิงก็ยังไม่อาจจะตามติดคนทั้งสองได้
เพราะวิชาห้วงมิติเปล่านั้นมันคือวิชาที่ใช้ความลึกลับของห้วงมิติอย่างถึงที่สุด มีเพียงแค่เทพสวรรค์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้มันออกมาได้
วิชาห้วงมิติเปล่านั้นมันคือวิชาที่จะวางจุดมิติไว้ในที่หนึ่งและยกสิ่งของที่มีพลังของจุดมิตินั้นติดไปใช้เป็นวิชาลับในการเคลื่อนย้าย
ตราบเท่าที่ผู้ถือของชิ้นนั้นหักมันลง วิชาห้วงมิติเปล่าก็จะทำงานส่งร่างของผู้ที่ถือไปยังจุดที่วางจุดมิติไว้
นี่มันเป็นวิชาการเคลื่อนย้ายที่สุดแสนลึกล้ำ หากผู้ทำไม่เข้าใจแนวคิดห้วงมิติอย่างลึกซึ้งแล้วมันก็ไม่มีทางที่จะสามารถทำได้เลย
“ให้ตายสิ! วิชาห้วงมิติเปล่านั้นมันคงพาไปได้ไม่ไกลนัก หลังจากเทพสวรรค์ผู้นี้จัดการเข้าเด็กคนนั้นแล้วข้าจะไล่ตามหาพวกเจ้าทั้งสองให้ได้!” เทพสวรรค์ห่าวเฟิงร้องลั่น ดูท่าคงอับอายไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
คนทั้งหลายที่ได้ยินเช่นนั้นไม่มีใครคิดกล้าจะพูดใด ๆ ออกมา ได้แต่ปิดปากเงียบ
เพียงแค่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้พวกเขาทั้งหลายเองก็ตื่นตะลึงไม่น้อย
ในทุ่งราบสุดอุดรนี้มันมีคนไม่มากที่จะหนีจากมือของเทพสวรรค์ห่าวเฟิงได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น
“เทียนจือ เมี่ยหยู เจิ้งหวง พวกเจ้าแยกกันไปดักล้อมเจ้าเย่หยวนนั้นไว้รอบทิศ หากพวกเจ้าคนใดปล่อยมันหนีไป ข้านี่แหละจะไปฆ่าล้างสังหารตระกูลพวกเจ้าทิ้งเสีย!” เทพสวรรค์ห่าวเฟิงร้องลั่นขึ้นอย่างโกรธแค้น
คนทั้งสามที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่นออกมาไม่น้อยก่อนจะขานรับและรีบพุ่งตัวออกไปตามเย่หยวน
เทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นได้ทำการฝังปราณติดตามไว้กับตัวเย่หยวนแล้ว เหลือแค่ให้คนทั้งสามนั้นตามติดไปจนเจอเป้าหมายก็เพียงพอ
เทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นได้แต่หัวเราะและก้าวเท้าออกไปด้านหน้า
“พี่เทียนจือ เจ้าเด็กคนนี้มันมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ลึกล้ำนัก แต่เหตุใดมันถึงได้เคลื่อนที่ช้าเชื่องเช่นนี้?”
เทพสวรรค์เฉินหลัวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นหลังสัมผัสได้ว่าปราณติดตามของเทพสวรรค์หลัวเฟิงนั้นมันช่างขยับไปอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเป้าหมายกำลังเดินเล่น
เทพสวรรค์เทียนจือจึงได้ขมวดคิ้วแน่นขึ้น “หึ! เจ้าโง่นี่! ไม่ว่ามันจะเก่งกาจมากพรสวรรค์ปานใดมันก็ไม่มีทางเป็นใหญ่ได้ เรารีบเดินทางกันเถอะ! ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นมันเป็นอาณาจักรเทพอสูร หากมันหนีไปถึงที่นั่นได้แล้วมันก็คงเหมือนปลาน้อยหนีลงมหาสมุทร”
เทพสวรรค์เฉินหลัวพยักหน้ารับพร้อมก้าวเท้ารวดเร็วขึ้นกว่าเก่า
หลังจากผ่านไปได้ราวครึ่งวันในที่สุดเหล่าผู้คนทั้งหลายก็ได้ก้าวออกมาจากห้วงมิติ
ที่ด้านหน้าของพวกเขานี้มันคือชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังเดินเอามือไขว้หลังอย่างสบายอกสบายใจ
เมื่อเด็กหนุ่มชุดขาวนั้นเห็นพวกเทียนจือเขาก็ได้ยิ้มขึ้นมา “เพิ่งจะมาถึงหรือ พวกเจ้านี่ชักช้ากันจริง ๆ”
เทพสวรรค์เทียนจือที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องหรี่ตาลงทันที “เจ้าคือเย่หยวน?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว เป็นเย่ผู้นี้”
“เจ้ารู้ว่าเรากำลังมา?” เทพสวรรค์เทียนจือขมวดคิ้วแน่นถามขึ้นมาอย่างมึนงง
ในความคิดของเขาแล้วเวลานี้เย่หยวนย่อมจะต้องพยายามหนีสุดตัว
แต่ดูท่าทางของเย่หยวนแล้วมันเหมือนกับว่าเขากำลังเดินเล่นรอให้ผู้คนมาถึง
ก่อนหน้านี้เขาแค่รู้สึกว่าเย่หยวนนั้นโง่เง่า ไม่รู้ตัวว่าถูกไล่ตาม
แต่ทว่าเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าของเย่หยวนนั้นมันกลับไม่มีความตื่นตกใจใด ๆ ราวกับว่ารู้มานานแสนนานแล้วว่าพวกเขาทั้งหลายจะตามมา
เย่หยวนยิ้มขึ้นตอบ “เฟิงเทียนหยางนั้นผสานแนวคิดได้ถึงสามอย่าง แน่นอนว่าคนอย่างมันย่อมจะเป็นยอดอัจฉริยะ ทางเทพสวรรค์ห่าวเฟิงเองก็คงเอาใจมันมาก แล้วข้าไปสังหารมัน แน่นอนว่าทางเทพสวรรค์ห่าวเฟิงย่อมจะไม่อยู่เฉยแน่ ๆ”
เมื่อเย่หยวนกล่าวออกมา เทพสวรรค์เทียนจือก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
เพราะความคิดของเย่หยวนนี้มันสุดแสนชัดเจน ไม่เหมือนคนจนปัญญาจวนตัวใด ๆ
คนเช่นนี้มันมีหรือที่จะปล่อยให้ตนตายลงง่าย ๆ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...