จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2112

สรุปบท ตอนที่ 2112 องอาจมาก?: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 2112 องอาจมาก? จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2112 องอาจมาก? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฉีเจิ้นนั้นมองดูเย่หยวนพร้อมกล่าวคำทั้งหลายนั้นออกมาด้วยสีหน้าดูถูก

การประลองโอสถที่เกิดขึ้นนั้นมันทำให้ตัวเขาตื่นตกใจอย่างมาก และยังทำให้ตัวเขารู้สึกถึงความด้อยค่าของตนเองขึ้นมาจับใจ

แต่แล้วมันทำไม?

มีหรือที่เผ่ากิเลนของเขานั้นจะส่งมอบสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดออกมาง่าย ๆ?

ถามว่าสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนั้นมันคือสิ่งของระดับใด?

มันย่อมจะเป็นยอดสมบัติในระดับเดียวกับศิลาจารึกบัลลังก์พิภพหรือไข่มุกสยบวิญญาณ!

สมบัติเช่นนี้มันเหนือล้ำฟ้าดินช่วยให้ผู้ถือครองได้พบเจอโชคลาภนับไม่ถ้วน

ที่เย่หยวนเป็นเย่หยวนได้ในทุกวันนี้เองมันก็เป็นเพราะว่าตัวเขานั้นมีสองสมบัตินั้นอยู่ในมือด้วย

สมบัติเช่นนั้นต่อให้จะเป็นกับเผ่ากิเลนแล้ว พวกเขาก็คงไม่อาจจะเอามันออกมาปล่อยทิ้งได้ง่าย ๆ

หากมิใช่เพราะว่ากระดูกจักรพรรดิกิเลนมันทรงค่าเหนือล้ำแล้วตัวฉีเฉินเองก็คงไม่กล่าวพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าไร้โอกาสชนะ พวกเขากลับเลือกที่จะใช้วิธีการหน้าไม่อายเช่นนี้มาบอกล้างการเดิมพัน

ฉีเจิ้นนั้นย่อมไม่คิดจะสนใจคิดเย่หยวนเป็นจริงเป็นจัง เพราะต่อให้จะเป็นรองมหาปราชญ์แต่ตัวเขาก็ย่อมจะไม่อาจอยู่สูงล้ำหัวเผ่ากิเลนไปได้

“เช่นนั้นหรือ? หากข้ารั้งเจ้าไว้ไม่ได้ แต่สิ่งนี้เล่า?”

เย่หยวนยิ้มเย้ยขึ้นพร้อมหยิบเอากระดูกจักรพรรดิกิเลนออกมา

เมื่อกระดูกจักรพรรดินี้ปรากฏมันย่อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงมหาศาลลงมาปกคลุมฟ้าดินจนทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายแทบจะหน้ามืดดับลง มันเป็นคลื่นพลังที่กดหัวใจผู้คนลงสู่พื้นดิน

เหล่าผู้คนทั้งหลายในที่นี้ต่างหน้าซีดเผือดลง!

ในวันนั้นที่เย่หยวนได้นำเอากระดูกจักรพรรดิออกมานั้น เขาไม่ได้เปิดใช้พลังของมันแม้สักเศษเสี้ยว

คลื่นพลังที่พวกเขาทั้งหลายสัมผัสได้ในวันนั้นมันย่อมจะเป็นพลังตามธรรมชาติปกติของกระดูกจักรพรรดิเท่านั้น

แต่ในวันนี้คลื่นพลังจากกระดูกจักรพรรดิกิเลนนี้มันถูกปล่อยออกมาเต็มที่จนทำให้แม้แต่เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังต้องหน้าซีด

แน่นอนว่าสุดท้ายมันก็ทำได้แค่นั้น มันไม่ได้ทำให้เย่หยวนมีพลังจะต่อสู้กับเทพสวรรค์ใด ๆ ได้

เพียงแค่ว่ามันมีคนหนึ่งที่แตกต่างออกไป!

คนผู้นั้นย่อมจะเป็นฉีเจิ้น

เพราะกระดูกจักรพรรดินี้มันเป็นสิ่งของจากยุคโบราณเป็นตัวตนระดับบรรพบุรุษรุ่นเก่าก่อนของเผ่ากิเลน พลังของสายเลือดในกระดูกนี้มันจะรุนแรงหนักหน่วงปานใดต่อหน้าเผ่ากิเลนทั้งหลาย?

คลื่นพลังกดดันระดับนั้นมันเกิดขึ้นในส่วนลึกของสายเลือดและจิตวิญญาณ

“คุกเข่าลง!”

เย่หยวนร้องบอกด้วยเสียงดังสนั่นฟ้าดิน ด้วยพลังของกระดูกจักรพรรดิแล้วมันจึงยิ่งทำให้เสียงนี้สั่นสะท้านทำให้โถงใหญ่ถึงกับสั่นคลอน

สมองของฉีเจิ้นนั้นห้ามไม่ได้คุกเข่าลง

แต่ทว่าร่างกายและจิตวิญญาณของเขานั้นมันกลับไม่ฟัง

มันราวกับว่าในร่างกายนี้มีมารร้ายเข้าควบคุม ค่อย ๆ สั่งการให้เขาคุกเข่าลง ๆ

ฉีเจิ้นจึงได้คุกเข่าลงในที่สุดด้วยร่างกายที่สั่นกลัว

แค่มองจากสภาพในตอนนี้คนทั้งหลายก็รู้ได้ทันทีว่าเขาพยายามจะห้ามตัวเองไว้หนักหนาปานใด

เพียงแค่ว่ามันไม่มีผล!

พลังที่รุนแรงกดดันในสายเลือดเช่นนี้ ร่างกายเขาย่อมไม่อาจจะฟังคำสั่งจากตัวเขาได้อีก!

เมื่อฉีเจิ้นคุกเข่าลงนั้นคลื่นความอัปยศก็ได้พุ่งทะยานขึ้นในใจเขาทันที

เขาหันไปมองที่เย่หยวนอย่างเย็นเยือกก่อนจะร้องกล่าวตะโกน “เย่หยวน เจ้ากล้าฉีกหน้าข้าหรือ? ฉีกหน้าเผ่ากิเลนนี้เจ้าจะได้ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”

ทุกผู้คนต่างเปิดปากกว้างขึ้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา

ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างกงหยางเลี่ยเองก็ยังต้องเบิกตากว้างมองดูเรื่องราวนี้ด้วยตาไม่กะพริบ

ตัวตนในตำนานอย่างเผ่ากิเลนนั้นมันมิใช่แค่ตัวตนของพวกเขาที่แข็งแกร่งเหนือใคร อำนาจของเผ่านี้มันก็สูงล้ำกว่าเผ่าใด ๆ จะเทียบเคียง

ต่อให้จะพระโพธิสัตว์ก็ยังโกรธเป็น ไม่ต้องพูดถึงเย่หยวนคนนี้เลย ยอดอัจฉริยะหนุ่มที่ได้รับตำแหน่งสูงเทียบเท่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้งแต่อายุยังน้อยคนนี้

ไม่ว่าเขาจะเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ปานใดมันก็ต้องมีขอบเขตบ้าง

เพียงแค่ว่าพวกเขาทั้งหลายเองก็ไม่คิดว่ากระดูกจักรพรรดิของเย่หยวนนี้จะมีพลังรุนแรงถึงขั้นสามารถทำให้ฉีเจิ้นที่เป็นเทพสวรรค์คุกเข่าลงด้วยคำพูดเดียว

“เจ้าองอาจมาก? สายเลือดเจ้าสูงส่งมาก? เช่นนั้นข้าจะเหยียบย้ำมันลงใต้เท้าให้ดู!”

พูดจบเย่หยวนก็ยกเท้ากระทืบลงบนใบหน้าของฉีเจิ้นลงหัวเขาตกลงไปแนบติดพื้น

คลื่นพลังของการกระทืบนี้มันทำให้พื้นดินแตกกระจาย

แต่แน่นอนว่ากำลังนี้ของเย่หยวนมันย่อมไม่ได้ทำร้ายฉีเจิ้นมากมาย แค่ทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ เท่านั้น

แต่ความอับอายที่เขาต้องเผชิญนี้มันเหนือล้ำกว่าครั้งไหน ๆ

เขานั้นได้แต่กัดฟันพูดออกมา “เย่หยวน หากเจ้ากล้าจริงก็สังหารข้า! ตราบเท่าที่เจ้าไม่สังหารข้าลง ข้าย่อมจะกลับมาขูดเลือดหักกระดูกเข้าให้เป็นฝุ่นผง!”

เผ่ากิเลนนั้นสูงส่งปานใด? เรื่องราวในวันนี้มันจึงจะกลายเป็นความอับอายชั่วชีวิตของเขา มีหรือที่ตัวเขาจะไม่โกรธแค้น?

แต่คำขู่ที่พูดแก่เย่หยวนนี้ เขาไม่ได้เกรงกลัวว่าเย่หยวนจะคิดสังหารเขาลงจริง ๆ

เพราะแค่การฉีกหน้าเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้มันก็คงแทบจะเกินกว่าที่เย่หยวนจะทำได้แล้ว

เย่หยวนจะกล้าสังหารฉีเจิ้นจริง ๆ?

ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นมันย่อมจะมิใช่สิ่งที่เย่หยวนแบกรับได้!

เว้นเสียแต่ว่าตัวฉีเจิ้นนั้นจะประเมินเย่หยวนต่ำไป

เขานั้นเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์มาเองมันก็คงไม่อาจทำให้เย่หยวนก้มหัวลงได้ ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างฉีเจิ้นนี้เลย

เวลานี้ในแววตาของเย่หยวนมันจึงได้ปรากฏจิตสังหารรุนแรงขึ้นพร้อมด้วยดาบกระดูกที่ปรากฏขึ้นในมือ

“หึ ๆ เจ้าคิดว่าตนเองที่เผ่ากิเลนเป็นเบื้องหลังแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า? ในเมื่อเจ้าขอมาข้าก็จะส่งเจ้าไปให้เอง! ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกเผ่ากิเลนมันจะทำอะไรข้าได้!”

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ