ระหว่างทางมานั้นคนทั้งหลายต่างเดินทางกันอย่างระมัดระวัง ท่าทางของคนทั้งสามนั้นเป็นดั่งโจรที่ย่องเข้าขโมยของในบ้านผู้คน พยายามก้าวเท้าอย่างไม่ให้เกิดเสียงใด ๆ
หากได้ยินเสียงสั่นไหวใด ๆ พวกเขาก็จะรีบกระโดดหนีดั่งกระต่ายตื่นตูม
ส่วนเย่หยวนนั้นแค่เดินตามหลังคนทั้งหลายมาด้วยท่าทางสบายใจ
ภาพนั้นมันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายไม่พอใจคิดมองมันเป็นการกระทำที่สุดแสนโง่เง่า
เพียงแค่ว่าคนทั้งสามนั้นรู้จักพื้นที่โดยรอบนี้ดีจึงรู้หลบเลี่ยงไม่ให้ไปเจอกับเหล่ามารนรกทั้งหลายเข้า หากพวกเขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาก็จะเปลี่ยนเส้นทางในทันที
แน่นอนว่าคนทั้งหลายนี้คงรู้จักวิธีการเอาตัวรอดในถ้ำเนตรมังกรนี้อย่างดี
ระหว่างทางมานั้นเย่หยวนเองก็ได้ชวนคนทั้งหลายพูดอยู่หลายต่อหลายเรื่อง
ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าคนทั้งสามนี้มีนามว่า หลงซุน อ่าวหมิงและหลงชิง พวกเขานั้นมาจากต่างปราการปฐพีและปราการนิล ล้วนเป็นเหล่าคนที่มีความผิดถูกคาดโทษจนถูกส่งลงมายังถ้ำเนตรมังกรนี้
การถูกส่งเข้าถ้ำเนตรมังกรนี้มันก็เปรียบได้ดั่งโทษประหาร แต่มันไม่ได้หมายความว่าผู้เข้ามาจะตายลงทันที
คนทั้งสามนี้มีความคิดมากเล่ห์ ใช้วิธีการหาผู้รอดชีวิตและตั้งกลุ่มขึ้นมาภายใน ช่วยกันหลบเลี่ยงภัยอันตรายและยังรวบรวมคนมาได้มากถึงสิบกว่าคนแล้วในเวลานี้
แน่นอนว่าคนทั้งหลายนั้นต่างเป็นนักโทษความผิดร้ายแรงจากปราการต่าง ๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้ถูกโยนลงถ้ำเนตรมังกรนี้มา
แต่สิ่งนี้มันกลับทำให้เย่หยวนประหลาดใจ เพราะทุก ๆ ปราการนั้นมันกลับมีทางเข้าถ้ำเนตรมังกรเป็นของตัวเอง
เช่นนั้นแล้วถ้ำเนตรมังกรนี้มันคืออะไรสำหรับเผ่ามังกรกันแน่?
แต่คนที่อยู่รอดในแดนนี้ได้ส่วนมากก็ไม่ได้เก่งกาจใด ๆ เป็นแค่เทพถ่องแท้
หลงซุนนั้นได้เข้ามาอยู่ในถ้ำเนตรมังกรยาวนานถึงยี่สิบปีและยังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดคนมากฝีมือของกลุ่ม
และในเวลานี้พวกเขาก็กำลังนำทางเย่หยวนกลับไปยังฐาน
“เด็กน้อย ข้าจะบอกให้นะ หากเจ้ายังทำตัวเช่นนี้ในถ้ำเนตรมังกรแล้วเจ้าคงไม่ได้มีชีวิตยืนยาวแน่!” หลงซุนร้องบอกเพราะท่าทางไม่สนใจโลกของเย่หยวน
เพราะตัวเย่หยวนนั้นเดินช้าดั่งคนออกมาเดินเล่น ทำให้หลงซุนไม่พอใจอย่างมาก
แต่หลงซุนเองก็ต้องมึนงง เหตุใดเจ้าเด็กที่ดูเดินเชื่องช้านี้มันถึงตามติดพวกเขามาได้ตลอดกัน?
ในฐานะคนเผ่ามังกรผู้สูงส่งแล้วเขาย่อมจะดูถูกมนุษย์เป็นธรรมดา พวกหลงซุนทั้งสามนั้นดูถูกเย่หยวนที่เป็นมนุษย์คนนี้จากก้นบึ้งหัวใจ แต่พวกเขาก็มีแต่ต้องยอมรับความโชคดีของเย่หยวนนั้นเป็นของจริง
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ขอบคุณพี่ซุนที่ปกป้องดูแลมาตลอดทาง”
หลงซุนหัวเราะขึ้น “อย่างน้อย ๆ เจ้าก็พอรู้เรื่องราว! หากไม่มีพี่ซุนคนนี้แล้วระหว่างทางเจ้าคงได้ตายไปนับสิบครั้ง!”
“ขอรับ ๆ!” เย่หยวนยิ้มตอบ
“โฮ่ก!”
ในเวลานั้นเองมันกลับเกิดเสียงร้องคำรามของมารนรกออกมาพร้อมฝูงมารนรกที่พุ่งตัวออกมาปิดทางของคนทั้งสี่
เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็วไร้เสียงใด ๆ ก่อนหน้า ราวกับว่ามันกำลังดักทางกลับของคนทั้งหลาย
หลงซุนหน้าซีดเผือดลงทันทีที่เห็น
คลื่นพลังจากร่างกายของเหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันสุดแสนรุนแรงจนเทียบได้กับระดับหกขั้นสุด
ส่วนพลังการต่อสู้ของพวกมันนั้นยิ่งจะเหนือล้ำกว่านั้นไปอีก!
หลงซุนรีบกวาดตามองโดยรอบพยายามคิดแผนการหนีรอด
เขาหันไปขยิบตาให้หลงชิงและอ่าวหมิง ก่อนจะตะโกนลั่นออกมา “หึ เจ้าคิดว่าแค่ขยะเช่นนี้จะหยุดปู่ซุนเจ้านี้ได้หรือ? เด็กน้อย เจ้าไปจัดการตัวขวาสุด พวกข้าจะจัดการที่เหลือเอง!”
เวลานี้มันมีมารนรกหกตัวปรากฏออกมา การที่พวกเขาสามคนจัดการห้าตัวและเย่หยวนจัดการหนึ่งตัวย่อมจะฟังดูสมเหตุสมผล
แต่มีหรือที่เย่หยวนจะไม่รู้ถึงแผนการน้อย ๆ ของหลงซุน? เพียงแค่ว่าตัวเขาก็ไม่ได้กังวลใด ๆ ค่อย ๆ ชักดาบกระดูกเดินเข้าไปหาเหล่ามารนรกทั้งหลาย
“โฮ่ก!”
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนเดินนำออกไปเหล่ามารนรกทั้งหลายก็ต่างหันมาหาตัวเขาพร้อมพุ่งทะยานเข้าใส่
ในเวลานั้นเองที่หลงซุนได้หันไปพยักหน้าให้คนทั้งสองและพุ่งตัวหนีออกไปในอีกทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วล้ำ
“เด็กน้อย พี่ซุนช่วยเจ้ามาหลายต่อหลายครั้งระหว่างทางแล้ว ครานี้ถึงตาเจ้าช่วยพี่ซุนบ้างอยู่เป็นเหยื่อให้พวกมันแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ…”
ที่ด้านหลังนั้นมันเกิดเสียงร้องหัวเราะของหลงซุนดังขึ้น
แต่แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะนั้นเย่หยวนก็ไม่คิดหันหลังกลับใด ๆ ราวกับว่าไม่ได้ยินมันและเดินเข้าไปหาฝูงมารนรกทั้งหลาย
จากนั้นเสียงหัวเราะของหลงซุนก็ต้องเงียบหายลง
ตูม! ตูม! ตูม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...