ณ เทือกเขาก่วมร่วงแห่งแดนกลาง
ที่แห่งนี้มันล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์สวยงามคลื่นพลังวิญญาณหนาแน่น ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาอย่างไม่อาจจะมองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในได้
พลังวิญญาณบนนี้มันเป็นเหมือนดั่งฝนที่ตกร่วงลงมาให้ชีวิตแก่ทั้งเทือกเขาไม่มีขาด
และในเวลานี้บนทางเดินเขาแคบๆ มันมีสองเงาร่างชายหญิงกำลังเดินเคียงบ่ากันขึ้นมา
“นายน้อย พี่ลี่เอ๋ออยู่ที่นี่จริงๆ หรือ?”
“แน่สิ! ข้าเคยไปถามเจียนซู่เทามาก่อนแล้วและได้รู้ว่าหลินฉางชิงนั้นมาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง!”
“จักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงผู้นี้เก่งกาจมากหรือไม่?”
“จักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงนั้นเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในดินแดนกลาง!”
“เช่นนั้น…หากเขาทำร้ายท่านเล่า?”
“เขา…ไม่กล้าหรอก!”
แน่นอนว่าคู่ชายหนุ่มหญิงสาวสองคนนี้มันจะคือเย่หยวนและลู่เอ๋อแล้ว
หลังจากเดินทางออกเขามังกรสวรรค์มาเย่หยวนก็กลับไปหาพวกหลงเสี่ยวทั้งหลายที่ปราการมังกรม่วงและทำสัญญาวิญญาณกับคนทั้งหลายเพื่อรับเป็นคนรับใช้
จากนั้นเขาก็ได้กลับไปยังปราการมังกรพิรุณ สั่งให้หนิงเทียนปิงนำทางพาหลงเสี่ยว กู้หง หลงซุนทั้งหลายนั้นกลับไปยังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
ส่วนตัวเขาเองนั้นได้พาลู่เอ๋อออกมายังเทือกเขาก่วมร่วงในดินแดนกลางต่อไป
เพราะเวลานี้เขาที่มีกำลังพอล้ำแล้ว เย่หยวนจึงไม่คิดจะรอใดๆ อีกต่อไปรีบเดินทางมาหาลี่เอ๋อที่วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงทันที
หลังจากได้ศิลาเทวะผสานวิญญาณมาแล้วมันก็ทำให้พลังบ่มเพาะของเย่หยวนพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้หากให้เทียบเขาคงมีพลังเท่าเทพสวรรค์สองดาว
แต่แท้จริงหลังจากที่เย่หยวนขึ้นสู่อาณาจักรพิภพโกลาหลมาทุกสิ่งอย่างมันก็แตกต่างไปจากเดิมมาก
อาณาจักรพิภพโกลาหลนี้มันแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลายได้ แต่ก่อนที่จะขึ้นถึงขั้นกลางนั้นตัวเขาจะไม่พบเจอคอขวดใดๆ จึงไม่อาจแยกเป็นดาวได้
แต่หากวัดกันตามมาตรฐานของอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว กำลังของเขาในเวลานี้มันคงเทียบเคียงกับเทพสวรรค์สองดาวได้
พร้อมๆ กันในเวลานี้พิภพโกลาหลของเขามันก็ได้แผ่ขยายไปอีกกว่าพันเมตรแล้ว
“หยุด!” เวลานั้นเองมันได้มีคนสองคนเดินก้าวออกมาขวางทางของคนทั้งสองไว้
โดยมีคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา “ที่นี่มิใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาได้! รีบๆ ลงไปเสีย!”
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับไป “ข้ารองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชและทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกรนามเย่หยวนมาทวงถามสัญญาที่เคยมีไว้กับหลินฉางชิง!”
เมื่อคนทั้งสองได้ยินสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนสีไปตามๆ กัน
เพราะชื่อทั้งสองนี้มันทำให้ผู้คนกลัวจนฉี่แทบราด
วิหารนักบวชแห่งเผ่าอสูรนั้นมันคือกองกำลังที่เหนือล้ำอย่างมากกองกำลังหนึ่ง
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นคือตัวตนที่เป็นรองแค่โอสถบรรพกาลเท่านั้น
ส่วนรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชนั้นมันจะต้องเป็นตัวตนเช่นใด?
ส่วนชื่อของทางเผ่ามังกรมันก็ยิ่งน่ากลัวกว่า!
แม้ว่าเผ่ามังกรนั้นจะไม่ออกติดต่อโลกภายนอก แต่มหาพิภพถงเทียนนี้ก็มีตำนานของพวกเขาให้ได้ยินเสมอๆ
ยอดคนที่เกิดขึ้นในเผ่าพันธุ์นี้ย่อมจะเป็นยอดของยอดอัจฉริยะ
ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกร…ต่อให้จะไม่มีสมองคิดพวกเขาก็รู้ว่ามันต้องมิใช่ตำแหน่งธรรมดาๆ
“เจ้าหมอนี่มันดูแสนธรรมดากลับมากล่าวบอกว่ามีที่มาใหญ่โต ไม่กลัวผู้คนจะหัวเราะจนฟันร่วงเอาหรือ?”
“ไอ้เจ้าโง่! เราไม่อาจมองเห็นพลังที่แท้ของเขาได้แม้แต่น้อย! อย่างน้อยๆ ตัวเขานี้ก็ต้องเป็นเทพสวรรค์แล้ว! เราสองย่อมไม่อาจจะมีสิทธิ์ตัดสินเรื่องราวใดๆ ได้ ไปเรียกท่านหยูเฟิงออกมาจัดการจะดีกว่า!”
“ใช่ๆ! ที่เจ้าว่ามามันก็ถูก!”
คนทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปบอกเย่หยวน “นายท่านโปรดรอสักครู่ เราจะเข้าไปรายงานเดี๋ยวนี้แล้ว!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ
ไม่นานนักก็มีชายวัยกลางคนในชุดหรูหราผู้หนึ่งเดินออกมาจากม่านหมอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...