ตันยี่มองดูเย่หยวนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนสีไปมาอย่างไม่หยุดยั้ง
เขานั้นเฝ้าดูอาการของจั่วหยวนจืออย่างใกล้ชิดและพบว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของจั่วหยวนจือนั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่เศษเสี้ยวใดๆ
ทักษะในการควบคุมจิตศักดิ์สิทธิ์ที่เฉียบคมปานนี้มันหาได้ยากยิ่ง
ต่อให้จะเป็นเขา จอมเทพโอสถแปดดาวผู้นี้เองก็ไม่อาจควบคุมได้เฉียบคมปานนี้
“นี่มัน… นี่หรือคือรองมหาปราชญ์?”
ตั้งแต่ที่เย่หยวนก้าวเท้าย่างเข้ามาในห้องนี้ สิ่งใดๆ ที่เขาทำนั้นมันได้ทำให้ตัวเขา จอมเทพโอสถแปดดาวผู้นี้ได้แต่ต้องอับอายในความไร้สามารถของตน
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รับรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของตำแหน่งรองมหาปราชญ์!
ลั่วเฟิงที่ได้เห็นก็ต้องยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เมิ่งลี่น้อยมันไปพบเจอคนเช่นนี้ได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ข้ายังเคยคิดจับคู่นางกับฉางชิง นึกแล้วมันช่างน่าขันนัก!”
หลินฉางชิงและเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นต่างเป็นยอดศิษย์แห่งวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิง
แน่นอนว่ายอดคนชายหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายพยายามจับคู่คนทั้งสองเข้าด้วยกัน ตัวลั่วเฟิงเองก็ไม่ต่าง
กับสองศิษย์ที่เขาภาคภูมินี้ ตัวลั่วเฟิงย่อมจะคิดจับคู่คนทั้งสองบ้างทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
เพียงแค่ว่าหลายต่อหลายปีมานี้เยวี่ยเมิ่งลี่ยังคงรักษาระยะห่างกับหลินฉางชิงอยู่เสมอ
ลั่วเฟิงเองก็รู้ดีว่าตัวเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นมีคนที่หมายใจกันอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้รีบร้อนจับคลุมถุงชนใดๆ
เพราะในสายตาของเขานั้นเมื่อเยวี่ยเมิ่งลี่ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์พร้อมๆ กับหลินฉางชิงแล้วมีหรือที่นางจะยังคิดไปสนใจคนชั้นต่ำใดๆ ได้อีก?
แต่ลั่วเฟิงเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าคนชั้นต่ำจากเมืองบ้านนอกนั้นกลับจะใช้เวลาแค่พันปีก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขาได้
แม้ว่ากำลังฝีมือของเย่หยวนนั้นยังจะเป็นรองเขาไปมาก แต่หากวัดกันแค่ที่สถานะแล้วมันคงอยู่ระดับเดียวหรืออาจจะสูงกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นฝีมือที่เขาแสดงออกมาแต่ละอย่างนี้ แม้แต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังได้แต่ต้องเงยหน้ามอง
หากวันหน้าเขาพัฒนาพลังบ่มเพาะขึ้นถึงระดับยอดคนแล้วจะเป็นเช่นใด
ความคิดจับคู่ใดๆ ก่อนหน้าของเขานั้นมันเป็นได้แต่เรื่องตลกไปทันตา
หลังจากค้นอยู่พักหนึ่งเย่หยวนก็ปล่อยตัวจั่วหยวนจือลงนอนด้วยสีหน้าหนักใจ
จากความทรงจำของจั่วหยวนจือนี้ เขาได้เห็นว่าลี่เอ๋อถูกมารนรกหลายต่อหลายตัวไล่ตามอยู่ในเวลาสุดท้ายก่อนจะแยกทางกัน
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่เคยจะได้พบเจอสัตว์ที่ดุร้ายเก่งกาจปานนั้น พวกเขาจึงได้แต่ต้องวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
เรื่องราวใดที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นจั่วหยวนจือเองก็ไม่อาจทราบได้
“ผู้อาวุโสลั่วเฟิง ขอบคุณที่ท่านช่วยให้การดูแล แต่เวลานี้เย่ผู้นี้ต้องไปถ้ำนิลเพลิงแล้ว ลาก่อน!” เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะก่อนจะเดินพุ่งตัวจากไป
“เดี๋ยว!” ลั่วเฟิงที่เห็นเช่นนั้นจึงร้องเรียกขึ้น “แท้จริงแล้วเวลานี้วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งเจ็ดได้ทำข้อตกลงจะส่งยอดศิษย์เข้าไปสำรวจดูภายในถ้ำนิลเพลิงกันอีกครั้ง ทางวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงเองก็คิดจะส่งหยูเฟิงและศิษย์คนอื่นๆ เข้าไปร่วมด้วย ทำไม… รองมหาปราชญ์ไม่เดินทางไปกับคนทั้งหลายเอาเล่า?”
เย่หยวนจึงส่ายหัวออกมาทันที “พวกเขาก็ไปของพวกเขา ข้าจะไปของข้าเอง”
เย่หยวนในเวลานี้กังวลอย่างหนักหน่วง เวลาที่ช้าไปทุกๆ วินาทีมันอาจจะหมายถึงชีวิตของลี่เอ๋อได้ง่ายๆ
เขานั้นไม่อาจจะรอได้อีกแม้แต่เสี้ยววินาที
ลั่วเฟิงนั้นเข้าใจจิตใจของเย่หวนจึงได้กล่าวบอกขึ้น “แท้จริงแล้วเวลานี้พวกหยูเฟิงทั้งหลายได้เตรียมตัวออกเดินทางกันแล้ว หากมิใช่เพราะว่าการมาถึงของรองมหาปราชญ์นี้พวกเขาคงเดินทางกันออกไปแล้วด้วยซ้ำ ในเมื่อรองมหาปราชญ์คิดจะไปจริงๆ ก็ทำไมไม่ออกเดินทางไปกับพวกเขาเสียตอนนี้เลยเล่า?”
เย่หยวนคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบไป “เช่นนั้นก็ได้!”
บนยอดตะวันลับนั้นเจิ้งหยูเฟิงได้รวมเทพสวรรค์อีกสี่คนมาเตรียมตัวออกเดินทางไปกับเย่หยวน
และเทพสวรรค์ทั้งห้าคนนี้ต่างล้วนเป็นถึงเทพสวรรค์ขั้นกลางสิ้น!
แต่ก่อนที่คนทั้งหลายจะทันได้ออกเดินทางมันก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
และมันก็มิใช่ใครที่ไหนนอกจากหลินฉางชิงนั่นเอง!
หลินฉางชิงนั้นก้มลงคุกเข่าร้องขอต่อลั่วเฟิง “อาจารย์ โปรดให้ศิษย์ไปเถอะ!”
ลั่วเฟิงที่ได้ยินก็ตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “เหลวไหล! ถ้ำนิลเพลิงนั้นมันสุดแสนอันตราย ต่อให้จะเป็นศิษย์พี่หยูเฟิงของเจ้านี้อาจารย์ก็ยังกังวลไม่อยากจะส่งเขาไปเสียด้วยซ้ำ ให้เจ้าไปด้วยหรือ? ไม่มีทางเสีย!”
หลินฉางชิงนั้นได้แต่กัดฟันขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “หากท่านอาจารย์มิให้ศิษย์ไปแล้ว ศิษย์จะขอกราบคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหนอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...