เจ้าเงาสีดำนั้นมันรวดเร็วอย่างเหนือล้ำรีบพุ่งตัวหลบหวังมุดเข้าสู่ห้วงมิติทันที
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามนั้นตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าจนไม่อาจตั้งสติรับมือทัน
แต่ทางเย่หยวนนั้นเตรียมการรับมือมันมาตั้งแต่ที่ตรวจพบเขาจึงรีบเปิดปากพูดกล่าว
“หยุด!”
เย่หยวนพูดกล่าวคำนี้ออกมาทำให้ห้วงมิติเวลารอบๆ หยุดนิ่งลง
เจ้าแมลงสีดำนั้นมันยังไม่ทันจะหนีหายไปไหน กลับหยุดลงเสียกลางอากาศ
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่คิดอยากเชื่อและลืมไปว่าจะต้องลงมือใดๆ
“จะยังยืนนิ่งกันทำไมอีก?” เย่หยวนหันมาตะโกนบอก
ลั่วเฟิงนั้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติขึ้นมาได้และรีบชี้นิ้วออกมายังเจ้าแมลงตัวนั้น กักขังมันไว้ในห้วงพลังไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
เจ้าแมลงสีดำนี้มันมีพลังระดับเทพสวรรค์ ด้วยกำลังของเย่หยวนมันย่อมจะเป็นการยากหากต้องจับกุม เขาจึงต้องหันไปร้องบอกให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายช่วยลงมือ
เย่หยวนจ้องมองไปยังเจ้าแมลงสีดำนั้นอย่างครุ่นคิด แต่เวลานี้จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามต่างจ้องมองมาที่เย่หยวนอย่างกับว่าได้เห็นสัตว์ประหลาดใด
เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้มันเหนือล้ำจินตนาการของพวกเขาไปมากล้ำ!
มิติและเวลามันกลับถูกหยุดลง!
เวลานั้นแม้แต่จุนหมิงซินเองก็ยังถูกพลังของเวลาชะงักนี้หยุดไว้ ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ราวครึ่งวินาที
ส่วนทางด้านลั่วเฟิงและตันยี่นั้นย่อมไม่ได้รับผลใดๆ
คนทั้งสองนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนเกินกว่าที่จะรับผลจากมันได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรความตื่นตะลึงมันก็ยังเกิดขึ้น!
“คำบัญชาเต๋าสวรรค์! มันเป็นคำบัญชาเต๋าสวรรค์! เทพสวรรค์กลับสามารถใช้คำบัญชาเต๋าสวรรค์ออกมาได้!” ลั่วเฟิงร้องบอกขึ้นอย่างตื่นตะลึง
“เจ้าเด็กคนนี้มันบรรลุคำบัญชาเต๋าสวรรค์ได้อย่างไร?” ตันยี่ร้องขึ้นตาม
“ช่างเป็นคำบัญชาเต๋าสวรรค์ที่รุนแรงนัก! เมื่อสักครู่นี้แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังต้องชะงักลง!” จุนหมิงซินร้องขึ้นด้วยอีกคน
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจและไม่ได้หันมาสนใจ เวลานี้เขาได้แต่จ้องมองดูเจ้าแมลงสีดำนั้นอย่างหนักใจ
เพราะคลื่นพลังที่เจ้าแมลงสีดำนี้มันปล่อยออกมานั้น มันช่างคุ้นตาเสียเหลือเกิน!
“นี่มัน… หืม? มองอะไรกันหรือ?” เย่หยวนที่กำลังคิดจะหันมาพูดคุยกับคนทั้งสามต้องสะดุ้งตัวขึ้นหลังเห็นสายตาเบิกกว้างของคนทั้งหลาย
เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?
เจ้าทำเรื่องเหนือสวรรค์แต่กลับมาตกใจที่พวกเราตื่นตะลึง?
จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสามได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้ต้องตอบอย่างไร
ความอวดดีที่น่ากลัวที่สุดมันคือความอวดดีที่ไม่ได้จงใจ!
“เมื่อสักครู่นี้ เจ้าใช้วิชาใดออกมาหรือ?” ลั่วเฟิงร้องถาม
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องผงะไป “ท่านพูดถึงเวลาชะงัก? มันคือทักษะเทวะภายในของเผ่ามังกร! หรือว่าเจิ้งหยูเฟิงนั้นจะไม่ได้ไปรายงานพวกท่านว่าข้าเป็นทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกร?”
เย่หยวนนั้นแสดงสีหน้าท่าทางสุดแสนธรรมดาจนทำให้คนทั้งหลายที่ตื่นตะลึงนี้กลายเป็นดั่งคนโง่เง่า
เมื่อเขาพูดกล่าวนามนี้ออกมาแล้วเขาย่อมจะมิใช่แค่คนเผ่ามังกรทั่วๆ ไป การจะมีทักษะเทวะภายในสักอย่างสองอย่างมันย่อมเป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือ?
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายนั้นไม่ได้คิดสนใจตำแหน่งใดๆ นั้นมาตั้งแต่แรก
“เวลาชะงัก… ทายาทมังกรสวรรค์แห่งเผ่ามังกร…” ลั่วเฟิงได้แต่ต้องทวนคำที่ได้ยินอย่างไม่อาจเข้าใจได้ว่าทายาทมังกรสวรรค์นี้มันหมายถึงอะไรกันแน่
เผ่ามังกรนั้นเป็นหนึ่งในอสูรที่มีสายเลือดเหนือล้ำ เหล่าเผ่าอสูรที่มีสายเลือดสูงส่งเหนือล้ำทั้งหลายนั้นย่อมจะไม่เป็นที่รู้จักของคนภายนอกมากมายนัก
ในมหาพิภพถงเทียนนี้ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายเอง พวกเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงความลับทุกอย่างบนโลกหล้า
นามของรองมหาปราชญ์นั้นถูกประกาศกว้างไกลทำให้มันกดทับนามทายาทมังกรสวรรค์ของเผ่ามังกรไปสิ้น
แต่เวลานี้เมื่อได้เห็นเช่นนี้ลั่วเฟิงก็รู้ได้ทันทีว่าทายาทมังกรสวรรค์นี้มันคงเป็นตำแหน่งที่ไม่ด้อยไปกว่ารองมหาปราชญ์!
เพียงแค่วิชานี้กระบวนท่าเดียวมันก็มากพอจะพิสูจน์!
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้คือสัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย!
เยวี่ยเมิ่งลี่นั้นต้องมีสายตาที่เฉียบคมปานใด? ถึงกลับไปเจอสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาได้?
ด้วยความสามารถของเย่หยวนแล้วมันจะยังมีใครเทียบเคียงได้?
คิดมาถึงตรงนี้ลั่วเฟิงก็ได้แต่ต้องรู้สึกสงสารศิษย์ตัวน้อยของเขาจับใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...