ระหว่างทางมานั้นคลื่นพลังชั่วร้ายมันยิ่งหนักหน่วงหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมๆ กันนั้นในพื้นที่รอบๆ ต่างก็จะมีคลื่นพลังของยอดฝีมือผ่านไปมาอยู่ไม่ขาดสาย
และคลื่นพลังทั้งหลายนั้นกลับรุนแรงเสียยิ่งกว่าตัวโม่เฉี่ยวซือ
เย่หยวนนั้นติดตามเขามาเรื่อยๆ จึงเดินทางได้อย่างไร้ปัญหาใดๆ
แต่ระหว่างทางนั้นมันมีด่านตรวจตั้งไว้มากมายก่อนที่สุดท้ายคนทั้งสองจะมาถึงยังเมืองน้อยเมืองหนึ่ง
เมื่อยามเฝ้าเมืองเห็นหน้าโม่เฉี่ยวซือเขาก็ถามขึ้น “โม่เฉี่ยวซือ ไม่ยอมอยู่ดูแลดินแดนที่ได้รับมอบหมายกลับมาทำอะไรที่นี่?”
เย่หยวนนั้นเห็นได้ทันทีว่าเหล่ายามเฝ้าเมืองทั้งหลายนี้ต่างเป็นเทพสวรรค์สิ้น!
โม่เฉี่ยวซือจึงรีบตอบกลับไปทันที “ข้านั้นมาเพื่อขอพบท่านม่านหย่าเพราะมีเรื่องสำคัญจะรายงาน”
ยามคนนั้นจึงหันมามองที่เย่หยวนต่อ “แล้วเจ้านี่เล่า?”
โม่เฉี่ยวซือจึงตอบกลับไป “มันเป็นลูกน้องข้าเอง เรื่องสำคัญที่ว่านี้ก็ถูกค้นพบด้วยฝีมือมันผู้นี้”
ยามคนนั้นจึงตอบกลับมา “ท่านม่านหย่ากำลังยุ่งอยู่กับการหาทางทำให้บุตรีเทวะสงบ ข้าเกรงว่าท่านคงไม่มีเวลามาพบคนอย่างเจ้า เจ้าไปรอคำสั่งต่อไปที่โรงเตี๊ยมเถอะ”
โม่เฉี่ยวซือจึงต้องรีบพูดขัดขึ้น “บุตรีเทวะ? อะไรคือบุตรีเทวะกัน?”
ยามคนนั้นยิ้มตอบกลับมา “เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ? มันก็นางมนุษย์ที่เราจับมาได้นั่นไงเล่า! มหาปราชญ์หยวนเจี่ยวท่านบอกไว้ว่านางนั้นเป็นบุตรีเทวะแห่งเผ่าเทวาจึงต้องถูกส่งกลับไปที่มิตินรก ไม่เช่นนั้นแล้ว… มีหรือที่นางจะยังมีชีวิตได้จนป่านนี้?”
เย่หยวนที่ได้ยินก็สั่นสะท้านไปทั้งกายทันที
ลี่เอ๋อไปกลายเป็นบุตรีเทวะใดนี้ได้อย่างไร?
แล้วเผ่าเทวาที่ว่านี้มันคือเผ่าพันธุ์ใด?
เวลานี้จิตใจของเย่หยวนสั่นสะท้านด้วยข้อมูลอันน่ากังวลนี้จนแทบไม่อาจหายใจ
“นายท่าน ข้าน้อยนี้มีวิธีที่จะช่วยให้บุตรีเทวะที่ท่านพูดถึงนี้สงบลงได้” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
ยามคนนั้นถึงกับต้องหันหน้ามามองและถามเพื่อย้ำ “เจ้ามีทางจริง? บุตรีเทวะนี้ก่อเรื่องไม่เว้นวันบอกแค่ว่าอยากจะกลับไปยังเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าท่านม่านหย่าจะพยายามพูดกล่อมเท่าใดนางก็ไม่คิดฟังจนท่านเครียดจะหัวแตกตายอยู่แล้ว! หากเจ้าทำได้จริงมันย่อมจะเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่แน่”
เย่หยวนจึงบอกกลับไป “นายท่านวางใจเถอะ ข้าน้อยจะทำสำเร็จแน่”
ยามคนนั้นจึงพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ดี จะอย่างไรพวกเจ้าไปรอที่โรงเตี๊ยมก่อนแล้วข้าจะไปรายงานท่านม่านหย่าให้”
โม่เฉี่ยวซือจึงได้พาเย่หยวนไปพักที่โรงเตี๊ยมด้วยความกังวลเต็มอก
เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันไม่ได้กระจัดกระจายกันอย่างที่เขาเคยพบเห็น
กลับกัน เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้กลับอยู่กับในเมืองราวกับเป็นค่ายกองทหาร!
เมือง โรงเตี๊ยม ยามเฝ้า มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมารนรกตัวไหนทำมาก่อน
แม้ว่าเหล่ามารนรกมันจะมีสติปัญญาสูงส่งแต่โลกของพวกมันนั้นก็โหดร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์ป่า
ผู้อ่อนแอจะถูกผู้แข็งแกร่งกลืนกินอย่างไร้ข้อยกเว้น!
ทั้งยังมีเรื่องของบุตรีเทวะและเผ่าเทวาใดๆ นี่อีก เจ้ามิตินรกนั้นมันเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่?
พอได้ลองถามโม่เฉี่ยวซือดู ตัวเขานั้นก็ไม่ทราบถึงมัน
ด้วยตำแหน่งของเขานี้มันต่ำต้อยจนเกินกว่าจะรู้เรื่องราวใดๆ ของเบื้องบนได้
โม่เฉี่ยวซือนั้นเป็นแค่มดปลวกที่ถูกเอามาปล่อยไว้ให้เฝ้าภายนอก
เขานั้นแค่รับคำสั่งจากม่านหย่าและม่ายหย่าก็พาเขามาเฝ้าที่แห่งนี้ เพียงเท่านั้น
ไหนจะยังเรื่องของถ้ำนิลเพลิงแห่งนี้อีกด้วย เพราะยิ่งเย่หยวนได้เห็น มันยิ่งดูเหมือนเขตแดนตัดขาดที่เชื่อมระหว่างมิตินรกที่ว่านี้กับมหาพิภพถงเทียนไว้
ในเมื่อเผ่ามังกรทำได้แค่ปิดผนึกนรกไว้ มันก็ย่อมจะหมายความว่าถ้ำเนตรมังกรเองก็เป็นแค่ปากทางเข้าสู่ดินแดนอื่น
แล้วที่แห่งนี้มันคืออะไรกันแน่?
ในเวลานี้ความสงสัยและการคาดเดามากมายได้เกิดขึ้นในหัวใจของเย่หยวนอย่างไม่มีหยุดยั้ง
ไม่นานจากนั้นยามคนนั้นก็ได้มาที่โรงเตี๊ยมเพื่อหาตัวเย่หยวน
เมื่อม่านหย่าได้ยินว่าเย่หยวนมีวิธีการที่จะทำให้บุตรีเทวะสงบลงได้เขาก็รีบยิ้มกว้างพาตัวเย่หยวนไปทันที
เมื่อม่านหย่าได้มองดูเย่หยวนดีๆ เขาก็ถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจว่าจะทำให้บุตรีเทวะสงบลงได้?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ท่านม่านหย่าโปรดวางใจ หากทำไม่สำเร็จข้าขอยอมตัดหัวนี้มอบให้แก่ท่าน”
ม่านหย่าที่ได้ยินก็เบิกตากว้างขึ้นพร้อมหัวเราะ “ดี! หากเจ้าทำให้บุตรีเทวะสงบลงได้จริง ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงามทีเดียว!”
พูดจบม่านหย่าก็พอตัวเย่หยวนมาจนถึงบ้านศิลาหลังหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...