ขนสีดำสนิทค่อยๆ ถอยร่นกลับเข้าไปในร่างพร้อมพลังปราณเทวะที่คืนกลับ
ภายในพิภพโกลาหลนี้เย่หยวนได้กลับคืนสู่ร่างเดิมในที่สุด
เมื่อลี่เอ๋อได้เห็นภาพอันแสนมหัศจรรย์ตรงหน้านี้ดวงตาทั้งสองของนางก็ต้องเบิกกว้างพร้อมสั่นสะท้านไปทั้งกาย
ตั้งแต่ที่นางถูกจับมานี้เยวี่ยเมิ่งลี่ไม่เคยจะได้มีชีวิตอย่างมีความสุขใด
ความกลัวต่ออนาคต ความกลัวต่อสิ่งที่ไม่อาจรู้จักทราบ
นางได้แต่คิดบอกตัวเองว่าชาตินี้คงไม่ได้พบเจอเย่หยวนอีกตลอดกาลแล้ว!
แต่ท่ามกลางความสิ้นหวังนี้เย่หยวนกลับเดินทางผ่านความอันตรายมากมายมาปรากฏกายต่อหน้านาง
แน่นอนว่านางจะต้องตื่นตะลึง!
ทั้งกังวล ทั้งตื่นตกใจ ทั้งโหยหา… ความรู้สึกมากล้นอย่างไร้คำจะบรรยายปะทุขึ้นในจิตใจของเยวี่ยเมิ่งลี่
“พี่หยวน ข้า… ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” เยวี่ยเมิ่งลี่ร้องถามขึ้นมาด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปรับร่างของนางมาโอบกอดไว้ “แน่นอนว่าไม่ได้ฝันใดๆ พี่หยวนมารับเจ้ากลับบ้านเราแล้ว”
“ข้าคิดไป… คิดไปว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว! ฮือๆๆ…”
สิบปีแห่งความสิ้นหวัง รอดชีวิตกลับมาได้พบเจอความทุกข์อันเป็นนิรันดร์ ความกังวลเสียใจใดๆ ในจิตใจของเยวี่ยเมิ่งลี่มันได้ปะทุออกมาในเวลานี้พร้อมๆ กัน
สภาพจิตใจของนางนั้นเหมือนได้เจอฟางเส้นสุดท้ายที่จะนำพาไปสู่ความสุขท่ามกลางทะเลแห่งความสิ้นหวัง
ความหวาดกลัวกังวลของนางนั้นมันไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ง่ายๆ
แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะไม่เข้าใจเยวี่ยเมิ่งลี่?
เขาเองก็ไม่ได้พูดจาปลอบใดๆ เพียงแค่กอดนางไว้อย่างหนักแน่น “ร้องมาเถอะ ร้องให้มันสบายใจออกมา”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานสักเท่าไหร่ในที่สุดน้ำตาของนางนั้นก็ค่อยๆ เหือดแห้งจางหายไป เป็นเวลานั้นเองที่เยวี่ยเมิ่งลี่ได้เงยหน้าขึ้นมากล่าวกับเย่หยวน “พี่หยวน ข้าขอโทษ ข้า…”
เย่หยวนยกนิ้วขึ้นมาปานน้ำตาที่เหลือบนใบหน้าของนางออกก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น “เด็กโง่ ระหว่างเรามันยังต้องมีคำขอโทษใดอีกหรือ? เรื่องนั้นไม่ต้องพูดกล่าวใดๆ แล้ว ข้าเข้าใจดี”
เวลาเกือบสองพันปีที่จากกันมานี้มันเป็นเพราะว่าใครกัน?
แน่นอนว่าเพราะตัวเขา เย่หยวนคนนี้!
ผลลัพธ์เช่นนี้ตัวลี่เอ๋อเองก็คงไม่คิดฝันว่ามันจะมาเกิดขึ้น มีหรือที่เย่หยวนจะกล้าไปว่านาง?
คำพูดเดียวนี้ความเศร้าโศกสองพันปีก็จากหายไปจากใจนางสิ้น
หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาได้เยวี่ยเมิ่งลี่ก็ต้องตื่นตะลึงขึ้นอีกครั้ง
เพราะแม้เวลานี้นางเองก็จะเป็นถึงเทพสวรรค์สองดาว แต่นางกลับไม่อาจจะมองพลังบ่มเพาะของเย่หยวนได้เลย!
“พี่หยวน นี่… นี่คือโลกใบน้อยของพี่หรือ? มัน… ดูแปลกเสียจริง!”
เป็นเวลานี้เองที่เยวี่ยเมิ่งลี่เริ่มจะมีสติหันมองดูรอบกายและพบว่ามันช่างดูแตกต่างจากพลังโลกของคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
นางนั้นตื่นตะลึงไม่น้อย นี่เย่หยวนก้าวขึ้นไปถึงระดับใดแล้วกันแน่?
เย่หยวนพยักหน้ารับออกมา “ใช่แล้ว โลกใบน้อยของข้านั้นมันแตกต่างจากผู้คนไปมาก ไว้ค่อยว่ากล่าวเรื่องนี้กันทีหลัง เวลานี้เรามาหาทางหนีออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
เยวี่ยเมิ่งลี่ได้แต่ส่ายหน้าออกมาเมื่อได้ยิน “พี่หยวน ข้ารู้ว่าพี่เก่งกาจปานใดแต่มันไม่มีทางจะออกไปได้! ห้องนี้มันถูกวางเขตแดนไว้ด้วยพลังของหยวนเจี่ยวแห่งเผ่าเทวา ความรู้ความสามารถของเขาคนนี้มันเหนือล้ำเกินเข้าใจ”
เย่หยวนจึงได้ถามขึ้นมาด้วยใบหน้าสุดสงสัย “เจ้าเผ่าเทวาที่ว่านี้มันคือสิ่งใด? ทำไมเจ้าจึงได้กลายเป็นบุตรีเทวะใดๆ ของมันได้?”
เยวี่ยเมิ่งลี่ตอบกลับไป “ได้ยินว่าเผ่าเทวานั้นคือเผ่าที่ได้รับพรจากสวรรค์ เพราะฉะนั้นพวกมันจึงเรียกตัวเองว่าเป็นเผ่าเทวา เผ่าเทวานั้นมีประชากรน้อยนิดแต่กำลังของแต่ละผู้คนนั้นกลับสุดแข็งแกร่ง ส่วนเรื่องของข้านั้น… ก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน บางทีมันอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าผสานปราณและกายเป็นหนึ่ง”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วแน่น
เผ่าที่ได้รับพรจากสวรรค์! ช่างฟังดูยิ่งใหญ่เสียจริง!
ไม่ว่าจะเป็นทางมนุษย์หรืออสูร พวกเขาทั้งหลายต่างก็ไม่อาจหาญกล้าพอจะใช้คำพูดเช่นนั้น
“เช่นนั้นแล้วทำไมเผ่าเทวาที่ว่ามันจึงได้มาอยู่กับมารนรกทั้งหลายนี้เล่า?” เย่หยวนถามขึ้นต่อ
“มารนรกนั้นนับถือว่าตนเองเป็นข้ารับใช้ของเผ่าเทวาและยอมก้มหัวรับใช้พวกนั้นอย่างไร้เงื่อนไขใดๆ! ส่วนมันเกิดความเกี่ยวข้องนี้ได้อย่างไรข้าเองก็ไม่อาจทราบได้” เยวี่ยเมิ่งลี่เองก็ย่อมจะไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังใดๆ ไปได้
ม่านหย่าจึงหรี่ตาลงบอก “เจ้านี่ ที่แท้เจ้าจะมาบ่นให้จักรพรรดิผู้นี้ฟังหรอกเรอะ แต่วางใจเถอะ ข้าจะส่งยอดฝีมือออกไปช่วยเหลือที่เขตชั้นนอกให้เจ้าเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...