“โอสถใจหยกขั้นเทวะนี่มันคือโอสถของเทพเจ้าอย่างแท้จริง! ตราบเท่าที่มีโอสถนี้แล้วลงุลี่ของเจ้านั้นก็จะก้าวขึ้นอาณาจักรพระเจ้าที่เฝ้าฝันหาได้อย่างแน่นอน! โอสถใจหยกขั้นเทวะสี่เม็ดนี้มันเท่ากับว่าจะสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน!”
เฉินหยานนั้นร้องบอกขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจจนแทบเสียสติ
เวลานี้เขามั่นใจแล้วว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินได้มีสมบัติล้ำค่ามาครอง!
ก่อนที่อาหนิงคนนี้จะบาดเจ็บมาอย่างน้อยๆ เขาคงต้องเป็นจอมเทพโอสถสองดาวแน่!
ไม่สิ สามดาว!
ต้องเป็นจอมเทพโอสถสามดาวมาก่อนแน่!
ส่วนทางจอมเทพโอสถสี่ดาวขึ้นไปนั้นความเข้าใจของเฉินหยานย่อมจะไม่อาจจินตนาการได้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถมากมายปานใด
ต่อให้จะนั่งคิดไปมากเท่าไหร่เขาก็คงไม่อาจจินตนาการนึกภาพได้ว่าเหล่าเทพชั้นสูงทั้งหลายนั้นจะเก่งกาจปานใด
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องยกมือขึ้นมาเกาหัว “ดูท่าข้าจะไม่ได้เป็นแค่ขยะไร้ค่าสินะ”
เฉินหยานนั้นได้แต่หัวเราะลั่นขึ้น “ขยะ? เฒ่าคนนี้ไม่เคยคิดกับเจ้าเช่นนั้นเลย! ตั้งแต่วันที่ข้าได้ช่วยเจ้าไว้นั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมิใช่คนธรรมดา!”
ที่ด้านข้างนั้นอาซิ่วก็มองดูเย่หยวนด้วยสายตาชื่นชมล้ำ “หึๆ อย่างที่ข้าบอกไป อาหนิงนั้นย่อมมิใช่คนธรรมดาทั่วไป!”
เหล่าชาวบ้านทั้งหลายในเวลานี้ต่างตื่นตะลึง ตกใจกับคำว่าสี่ยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าที่เฉินหยานกล่าว
“พระเจ้าช่วย สี่อาณาจักรพระเจ้า! ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”
“เช่นนั้นหมู่บ้านเฉินเราก็คงได้กลายเป็นสุดยอดผู้ปกครองในแถบนี้แล้วใช่หรือไม่?”
“อาหนิงผู้นี้มีรูปร่างหลอกคนเสียจริง! ข้าไม่นึกเลยว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นถึงจอมเทพโอสถได้เช่นนี้!”
…
ถึงเวลานี้แล้วมีหรือที่ชาวบ้านทั้งหลายจะยังคิดกังวลไม่เชื่อถือใดๆ?
แค่คำว่า ‘อาณาจักรพระเจ้าสี่คน’ นี้มันก็มากพอที่จะทำให้ความกังวลใดๆ ของผู้คนจางหายไปสิ้น
อาณาจักรพระเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนในหมู่บ้านนี้เฝ้าฝันถึง
แต่จนถึงวันนี้หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่เคยจะให้กำเนิดยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้ามาก่อน
สำหรับสามัญชนคนทั่วไปแล้ว ย่างก้าวนี้มันแสนที่จะยากล้ำ!
ต่อให้จะทุ่มเททั้งชีวิตมันก็ไม่อาจจะทำได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับสะบัดมือสร้างยอดฝีมืออาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาได้ถึงสี่คน มันจะต้องเหนือล้ำฟ้าดินปานใดในสายตาคนทั้งหลาย?
เฉินยองเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง
แต่เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของอาซิ่ว ความริษยามันก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจของเขาอีกครั้ง
“หึ! มันจะเหนือล้ำใด! ข้าไม่ต้องพึ่งมันก็ก้าวขึ้นถึงอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วยตัวเอง!”
เขานั้นได้แต่บ่มพึมพำออกมาแต่สุดท้ายดวงตาของเขามันก็ไม่อาจจะละจากโอสถใจหยกนั้นได้
ส่วนทางเฉินลี่และเฉินเจียนนั้นสายตาของพวกเขาไม่เคยจะละไปจากโอสถใจหยกนี้แม้แต่วินาทีเดียว ร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้
นี่คืออาณาจักรพระเจ้า!
เฉินหยานนั้นเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากที่สุดและเป็นคนแรกที่ได้สติขึ้นมา
เขานั้นกระแอมเสียงเรียกสติของทุกคนกลับมาพร้อมสั่งบอก “เฉินลี่ เฉินเจียน พวกเจ้าเอาโอสถใจหยกไปคนละเม็ดและเข้าสู่การเก็บตัวทันที เจ้าต้องบรรลุให้ได้ก่อนจะถึงวันพรุ่งนี้!”
“ขอรับลุงหยาน!” คนทั้งสองรีบก้มหัวรับสั่งพร้อมหยิบโอสถใจหยกไปคนละเม็ดก่อนจะเดินหายไปจากฝูงชนทันที
เฉินหยานนั้นหยิบโอสถใจหยกอีกสองเม็ดนั้นขึ้นมาพร้อมหันไปบอกเฉินยองและเฉินซิ่ว “อายอง อาซิ่ว โอสถสองเม็ดนี้ข้าจะเก็บไว้ให้พวกเจ้า! จากวันนี้ไปจงหมั่นบ่มเพาะให้ถึงอาณาจักรเต๋าลึกล้ำโดยเร็ว!”
เฉินยองจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยกมือขึ้นรับ “ขอรับปู่หยาน!”
พูดไปสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเย่หยวนและได้พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนตัวเฉินยองได้แต่ต้องถอนหายใจยาว
โชคดีที่เจ้าหมอนี่มันไม่คิดติดใจเรื่องราวเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นแล้วหากเขาถูกกล่าวถามอะไรขึ้นมาคงได้แต่ต้องขายหน้าจนต้องมุดแผ่นดินหนี ไอรีนโนเวล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าอาซิ่วนี้
“ปู่ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมนะ! โอสถนี้อาหนิงเป็นคนหลอมขึ้นมา ทำไมเขาจึงไม่ได้ใช้มันเล่า?” อาซิ่วร้องถามขึ้นอย่างไม่พอใจ
เฉินหยานนั้นได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าปู่จะเอาเปรียบอาหนิงใดๆ แต่ต่อให้เขาจะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่อาจจะเป็นประโยชน์ใดๆ แก่ตัวเขาได้”
อาซิ่วนั้นจึงได้แต่ต้องเอียงคอถาม “นี่มันโอสถศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ ทำไมมันจะเป็นเช่นนั้นไปเล่า?”
เฉินหยานจึงบอกกลับไป “อาหนิงนั้นบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจเก็บกักพลังวิญญาณใดๆ ไว้ในร่างได้ ต่อให้จะกลืนโอสถนี้ลงไปมันก็คงไม่เกิดผลดีใดๆ ขึ้นมาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...