“ลุงหยาน นี่มัน… จะไม่บ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?” เฉินลี่ได้แต่ต้องกล่าวขึ้นขัด
ส่วนทางด้านชาวบ้านทั้งหลายนั้นพวกเขาทั้งหลายต่างได้แต่ต้องมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดแน่น สายตาที่มองดูเย่หยวนนั้นล้นไปด้วยความสงสัย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าเด็กคนนี้ที่ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มีหรือที่จะคู่ควรไปแตะต้องสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์?
ไม่ว่าจะอย่างไรความหายากของสมุนไพรวิญญาณบนเขาผ่อนสงบนี้มันก็นับได้ว่าแทบไม่มีทางพบเจอได้
การปล่อยให้คนที่ความจำเสื่อมไปยุ่งกับมันมีแต่จะเสียของเปล่ามิใช่หรือ?
หากทำเช่นนั้นแล้วแม้แต่โอกาสหนึ่งในสิบนั้นมันก็จะเสียไปสิ้น
เวลานี้แม้แต่ทางเย่หยวนเองก็ยังต้องกล่าวขึ้น “ปู่หยาน ข้าว่า… มันคงไม่เหมาะหรือไม่?”
แต่ทางเฉินหยานกลับร้องกล่าวขึ้นอย่างหนักแน่น “เจ้าลองดูเถอะ หากมันเสียจริงๆ แล้วเฒ่าคนนี้จะรับผิดชอบมันเอง เฉินลี่ เจ้าไม่คิดค้านใช่หรือไม่?”
‘บ้าบอ! ข้าต้องคิดค้านสิ!’
แต่เฉินหยานผู้นี้มีตำแหน่งสูงล้ำในหมู่บ้าน นอกจากจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านแล้วเขายังเป็นหมอยาที่รักษาคนในหมู่บ้านไว้นับไม่ถ้วน
หากไม่มีเขาคนนี้แล้วหมู่บ้านเฉินคงไม่อาจตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้
อย่างตัวเฉินลี่เอง ที่เขามีทุกวันนี้ได้มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะลุงหยานคนนี้สิ้น
เฉินลี่นั้นจึงได้แต่ต้องยิ้มรับออกมา “ในเมื่อลุงหยานคิดตัดสินใจไปแล้วข้าก็คงไม่อาจจค้านใดๆ ได้อีก”
…
เฉินหยานนั้นบอกว่ามันคิอห้องหลอมโอสถแต่แท้จริงมันก็แค่กระท่อมหลังน้อย
เรื่องราวของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องสำคัญของทุกผู้คนในหมู่บ้านอย่างไม่ต้องสงสัย
หากโอกาสหนึ่งในสิบนั้นถูกวางไว้กับเฉินลี่แล้ว มันก็หมายความว่าหมู่บ้านมีโอกาสถึงหนึ่งในสิบที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
แต่ในเวลานี้มันกลับมีเด็กหนุ่มผู้ไม่มีแม้แต่ปราณใดๆ มายุ่งเล่นกับโอกาสหนึ่งในสิบนั้น มีหรือที่คนทั้งหลายจะอยู่กันอย่างสุขใจได้?
เมื่อเข้ามาถึงห้องหลอมโอสถนี้เย่หยวนก็รู้สึกโหยหามันขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
มันราวกับว่าอาการใดๆ ของเย่หยวนนั้นดีขึ้นมาในพริบตา
เฉินหยานเองก็ได้ดูแลเย่หยวนมานาน เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้านี้ตัวเขาเองก็สั่นสะท้านไปทั้งใจ
เขานั้นมีอายุมากที่สุดและได้พบเจอเรื่องราวบนโลกมามากที่สุดในหมู่บ้าน เขาจึงรู้
การที่เย่หยวนจะรอดจากบาดแผลเช่นนั้นได้มันย่อมจะมิใช่สิ่งที่นักยุทธสามัญทั่วๆ ไปจะทำได้
และในการรักษาตัวของเย่หยวนนี้ โอสถใดๆ ของเขามันกลับไร้ซึ่งผลสิ้น
สิ่งที่ทำให้เย่หยวนฟื้นกลับมาได้นี้มันคือพลังการฟื้นฟูของเย่หยวนสิ้น!
และก่อนหน้านี้ที่เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างไม่ทันได้คิดนั้นมันย่อมจะเป็นเพราะสัญชาตญาณส่วนลึกของเขา
เขาจึงได้คาดเดาไปอีกครั้งว่าเย่หยวนอาจจะเป็นจอมเทพโอสถมาก่อนจะเสียความทรงจำ!
ในเมื่อสัญชาตญาณบอกเย่หยวนว่าเขาทำได้ เช่นนั้นแล้วเขาก็อาจจะทำได้จริงๆ
เฉินหยานนั้นรู้ดีว่าวิธีการหลอมของเหล่าจอมเทพโอสถนั้นมันลึกล้ำปานใด มันมิใช่สิ่งที่นักหลอมโอสถสามัญอย่างเขาจะคาดคิดถึงได้
ทุกผู้คนในหมู่บ้านต่างมายืนรออยู่ที่หน้าห้องหลอมโอสถมองดูเย่หยวนค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องหลอมโอสถนั้นก่อนจะเห็นว่าเขาค่อยๆ เดินวนไปมายกมือขึ้นลูบจับสมุนไพรและเครื่องมือต่างๆ
เมื่อได้ลองลูบสัมผัสสิ่งทั้งหลายนี้ดูเย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นแขนขาของเขาเอง
ความคุ้นเคยเช่นนี้มันถูกฝังลงลึกในร่างกาย
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าเลือดลมในกายของเขาเริ่มที่จะพลุ่งพล่านขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
“ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยเสียจริง!” เย่หยวนร้องบอก
ทุกสายตานั้นต่างมองดูตามการเคลื่อนไหวของเย่หยวนอย่างไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร
เพราะเวลานี้เขาเอาแต่เดินวนไปมาอย่างไม่คิดลงมือทำเรื่องราวใด
เฉินยองนั้นเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “มันก็แค่เดินวนไปมาเช่นนั้น กว่าจะได้ทำอะไรฟ้าคงมืดกันพอดี! ทำเช่นนี้แล้วมันจะได้ประโยชน์ใดหรือ?”
“ใช่! ทำไมข้าถึงไม่อาจวางใจเจ้าเด็กคนนี้ได้เลย เหมือนกับว่ามันนั้นกำลังแกล้งทำเป็นลึกลับอยู่!”
“ลุงหยานเองก็อยากได้ไปหลงท่าทางของมันเลย นี่มันสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เชียวนา!”
…
เวลานี้ชาวบ้านหลายต่อหลายคนย่อมจะไม่พอใจจึงได้แต่ร้องบ่นออกมาให้เฉินหยานฟัง
แต่ทางเฉินหยานนั้นกลับขมวดดิ้วแน่นก่อนจะหันมาตวาดด้วยเสียงเบาๆ “พวกเจ้าหุบปากลง! ใครคิดพูดจาใดๆ อีกก้าวออกมาพูดต่อหน้าข้านี้!”
เมื่อทุกคนได้เห็นความไม่พอใจนั้นของเฉินหยาน พวกเขาก็ย่อมจะเงียบปากลงอย่างไม่กล้ากล่าวว่าใดๆ
เฉินลี่เองทีแรกก็คิดจะเข้าไปร่วมบ่นว่าด้วยแต่พอได้เห็นท่าทางนั้นของเฉินหยานเขาก็ได้แต่ต้องหุบปากลงก่อนจะได้กล่าวใดๆ
การเดินเล่นของเย่หยวนนี้มันกินเวลาไปกว่าชั่วโมง
แต่จู่ๆ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงและหยิบเอาผลึกปราณเทวะระดับต่ำออกมาจากกล่องอันสวยหรู
ทุกผู้คนหน้าถอดสีทันที
เจ้าเด็กคนนี้มันตาดี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...