จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2211

โอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัตินั่นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด

หากเทพสวรรค์ได้กลืนกินมันลงไปแล้วก็จะสามารถพัฒนาการบ่มเพาะไปได้อย่างมหาศาล ทะลุผ่านคอขวดใดๆ ได้ง่ายดาย

เพียงแค่ว่าแม้มันจะเป็นโอสถที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เมื่อมันมีคุณภาพถึงขั้นเทวะวิญญาณมรณาแล้วมันก็ย่อมจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป!

เวลานี้หลินฉางชิงยังคงอยู่ในอาณาจักรเทพสวรรค์สองดาว แต่หากมีโอสถวิญญาณเสด็จสวรรค์อุบัตินี้แล้วหลินฉางชิงคงไม่ต้องกังวลเรื่องการบ่มเพาะไปจนถึงอาณาจักรเทพสวรรค์สี่ดาวเลยทีเดียว

ที่สำคัญไปกว่านั้นเวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะมันก็จะสั้นลงอย่างมากด้วย!

ด้วยพรสวรรค์ระดับหลินฉางชิงนี้ การจะบรรลุขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์สี่ดาวย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้แน่นอนภายในเวลาไม่กี่พันปี ไม่มีสิ่งใดยากเย็น

แต่ด้วยผลของโอสถนี้แล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะของเขามันคงเพิ่มขึ้นไปอีกราวสิบเท่า!

หรือก็คือหลินฉางชิงนี้คงสามารถก้าวขึ้นเป็นเทพสวรรค์สี่ดาวได้ด้วยเวลาแค่ราวร้อยถึงสองร้อยปีเท่านั้น

ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้หากให้เทียบกับเทพสวรรค์ทั้งหลายแล้วมันคงเป็นความเร็วที่ราวปีศาจ!

หลินฉางชิงได้แต่ต้องหันมามองเย่หยวนด้วยความตกตะลึง ปากอ้าค้างอย่างไม่อาจหุบลงได้

“เจ้า… เจ้าสัตว์ประหลาด! คนเช่นเจ้านี้มันเกิดขึ้นมาบนโลกหล้าได้อย่างไรกันแน่?” หลินฉางชิงได้แต่ร้องร่ำขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น

เย่หยวนจึงได้แต่ต้องยิ้มตอบ “เวลานี้ทั้งมารนรกทั้งเผ่าเทวามันได้ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเราแล้ว ข้าเกรงว่าพิภพนี้มันคงตกสู่ห้วงโกลาหลในอีกไม่นานนัก หลังจากเจ้ากลับไปแล้วจงไปเตือนท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ลั่วเฟิงให้เตรียมการรับมืออย่างสุดตัว เตรียมรับมือเหตุการที่จะเกิดขึ้นในวันหน้าให้ดี ข้านั้นเคยได้ยินว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดมหาสงครามขึ้นบนพิภพนี้ ข้าเกรงว่าวิกฤตในครั้งนี้มันคงไม่ได้เบาไปกว่าสงครามสิ้นโลก!”

หลินฉางชิงสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมแสดงสีหน้าหนักใจออกมา

เรื่องของสงครามสิ้นโลกนั้นมันเป็นโศกนาฏกรรมประวัติศาสตร์

เมื่อถึงเวลาวันนั้นขึ้นมาแล้วมันคงไม่มีใครบนมหาพิภพถงเทียนจะหลบรอดไปได้ด้วยดวงหรือโชคใด!

เขานั้นพยักหน้ารับออกมา “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะส่งข่าวกลับไปบอกท่านอาจารย์ให้เตรียมตัวแน่ ปัญหาตอนนี้มันคือเจ้าต่างหาก พิการเช่นนี้เจ้าจะทำอย่างไรต่อเล่า?”

เย่หยวนยิ้มรับตอบกลับไป “วางใจเถอะ ข้านั้นมีวิธีของตนเอง อยู่ที่นี่มาหลายสิบปีข้าเองก็พอจะได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกหล้าเพิ่มมากขึ้น”

หลินฉางชิงได้แต่ต้องหรี่ตาลงมองอย่างตื่นตะลึง

เย่หยวนนั้นไม่มีปราณเทวะใดๆ ในกายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะดูอย่างไรนี่มันก็คืออาการของคนที่โลกใบน้อยแตกสลาย

โลกใบน้อยนั้นมันเป็นดั่งหัวใจของนักยุทธ แม้จะได้รับความเสียหายเพียงน้อยมันก็คงต้องใช้กำลังมากมายในการรักษา

หากมองดูสภาพของเย่หยวนในเวลานี้แล้ว ดูท่าโลกใบน้อยของเขาคงแตกสลายลงหรือไม่ก็เสียหายจนไม่อยู่ในสภาพที่จะเก็บกักปราณเทวะได้อีกต่อไป

เรื่องราวเช่นนี้มันจะยังมีวิธีการใดรักษาได้?

หลินฉางชิงได้แต่ต้องมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยความสงสัย

“เอาล่ะ เห็นสภาพน่าสมเพชของเจ้านี้แล้วเทพสวรรค์ผู้นี้จะช่วยเจ้าเสียหน่อยก็แล้วกัน!” หลินฉางชิงกล่าวบอก

เย่หยวนเองก็ไม่คิดปฏิเสธใดๆ พยักหน้ารับกลับมาทันที “ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

ปราณเทวะของเขานั้นหายไปจนสิ้น พลังกายเองก็ยังไม่ฟื้นคืนเต็มสมบูรณ์ การเดินทางไกลมันคงเป็นเรื่องยากกับสภาพของเย่หยวนในเวลานี้

ด้วยเทพสวรรค์อย่างหลินฉางชิงนี้แล้วการจะเดินทางใดๆ มันย่อมสะดวกสบายขึ้นมาก

“อาหนิง!”

ในเวลานั้นเองอาซิ่วที่อยู่ไม่ไกลไปนักก็ร้องทักเย่หยวนขึ้นมาด้วยดวงตาเปี่ยมน้ำตา

เย่หยวนที่ได้ยินจึงต้องถอนหายใจยาว “อาซิ่ว ข้านั้นจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว หลายปีมานี้ต้องขอบคุณเจ้าและปู่หยานมากที่คอยดูแล! ข้านั้นแท้จริงมีนามว่าเย่หยวนเป็นคนจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งแดนใต้ หากชะตาเราต้องกัน… สักวันเราคงได้พบเจอกันอีก”

เขาและอาซิ่วนั้นมิใช่คนที่จะอยู่ร่วมกันได้เลย

แทนที่จะปล่อยให้นางมีความหวังลมๆ แล้งๆ สู้ตัดความเจ็บปวดเสียตั้งแต่ราก ให้มันเจ็บและจบไปจะดีกว่า

เพราะฉะนั้นแม้ตัวเย่หยวนเองก็จะไม่ค่อยอยากจากไปทั้งๆ อย่างนี้ ตัวเขาก็มีแต่ต้องทำใจแข็งเป็นหินตอบไปเท่านั้น

อาซิ่วที่ได้ยินจึงต้องทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ราวกับเด็กตัวน้อยที่เสียของรักไป

สุดท้ายนางก็ได้แต่ต้องพยักหน้าร้องบอก “ดูแลตัวเองด้วย!”

เย่หยวนกล่าวลากับเฉินหยานและชาวบ้านทั้งหลายก่อนจะเดินทางจากมากับหลินฉางชิงและลู่เอ๋อ

เขานั้นย่อมจะเข้าใจดีว่าเวลานี้ทางเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงต้องเจอเรื่องราวลำบากมากมายแล้ว!

และความเป็นจริงก็ไม่ได้ต่างไปจากที่เย่หยวนคาดเดามากมายนัก

ด้วยสภาพของแดนใต้นั้นมันย่อมจะมีคนมากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลภูมิภาคอื่นดีกว่าใครเพื่อน

การที่วิหารนักบวชแห่งเผ่าอสูรแต่งตั้งรองมหาปราชญ์ขึ้นมานั้นมันย่อมแพร่กระจายไปทั่วทั้งแดนใต้อย่างรวดเร็ว

แต่ไม่นานจากนั้นพวกเขาก็ได้ทราบตามมาว่ารองมหาปราชญ์แห่งเผ่าอสูรนี้กลับเป็นเย่หยวนที่กดหัวคนทั้งแดนใต้ให้ต้องคุกเข่ากราบกราน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ