เทพสวรรค์ห่าวหลินได้แต่ต้องตกตะลึงมากขึ้นเรื่อยๆ!
ถึงปานนี้แล้วหากเขายังไม่อาจเข้าใจถึงเต๋าค่ายกลของเย่หยวนได้อีก ตัวเขาก็คงไม่มีสมองเหลือในหัวแล้ว
เพราะทุกย่างก้าวของเย่หยวนมันล้วนหยุดลงในตาค่ายกลสิ้น
และเมื่อมันอยู่ที่ตาค่ายกล ต่อให้เขาจะพยายามหนักหน่วงปานใดมันก็ไม่อาจจะใช้พลังของค่ายกลทำร้ายอีกฝ่ายได้
เพียงแค่ว่าการจะหาตาค่ายกลให้พบเจอหมดสิ้นนั้นมันเป็นเรื่องที่สุดแสนยากเย็น!
ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเหมือนดั่งโลกที่หมุนวนรอบตัวเองเสมอ
แน่นอนว่าความซับซ้อนของมันนี้ย่อมจะมิใช่สิ่งที่นักยุทธทั่วไปจะเข้าใจได้
แต่เย่หยวนกลับมองมันออกได้ในเวลาแค่เสี้ยววินาที?
เทพสวรรค์ห่าวหลินได้แต่ต้องยืนนิ่งด้วยเหงื่อท่วมกาย เขานั้นกลัวเย่หยวนขึ้นมาจับใจ
หรือเจ้าหมอนี่จะเป็นศัตรูกับท่านเจี่ยวชาง?
แล้วท่านเจี่ยวชางไปสรรหาสร้างศัตรูระดับนี้มาจากที่ใด?
“หึ! มีความรู้ในวิชาค่ายกลแล้วทำไมเล่า? สุดท้ายก็เป็นได้แค่เทพสวรรค์ขั้นกลาง หรือว่าเจ้าจะคิดว่าวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางนี้หวาดกลัวเจ้า?”
เทพสวรรค์ห่าวหลินส่งสัญญาณเสียงไปทั่วทั้งเมือง “เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายจงมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าเขาด้วย!”
เสียงนั้นดังลั่นสนั่นไปทั่วทั้งวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง
ไม่กี่วินาทีต่อมาเหล่าเงาร่างสีดำมากมายก็พุ่งทะยานขึ้นมารวมตัวกันบนประตูหลัก
เมื่อพวกเขาทั้งหลายเห็นเย่หยวนกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศท่ามกลางมหาค่ายกลนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้าง
พลังของค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดกลับไม่อาจหยุดยั้งเทพสวรรค์ไว้ได้?
“พวกเจ้าเตรียมตัวกันเถอะ เมื่อเจ้าเด็กคนนี้มันฝ่าเข้ามาได้แล้ว พวกเจ้าทั้งหลายจงเข้าล้อมจัดการมันอย่าให้ได้หลุดรอด!” เทพสวรรค์ห่าวหลินกล่าวบอก
เมื่อเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ได้เห็นถึงพลังของเย่หยวนพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าดูถูกออกมา
“ห่าวหลิน เจ้าเองก็จะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เกินไปหรือไม่เล่า? แค่เทพสวรรค์ขั้นกลางคนหนึ่งเจ้าก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ไปแล้ว?”
“ใช่! แค่ตัวเจ้าเองก็น่าจะพอแล้วมิใช่หรือ? เจ้าจะเรียกเรามาเพื่อ?”
แต่ตัวเทพสวรรค์ห่าวหลินกลับขมวดคิ้วแน่น “เจ้าเด็กคนนี้มันดูผิดปกติ! เวลานี้ท่านเจี่ยวชางเองก็ยังบาดเจ็บไม่หายดี เราควรคิดให้มากไว้ก่อนดีกว่ามาเสียใจภายหลัง!”
ได้ยินคำพูดนั้นของเทพสวรรค์ห่าวหลินเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ก็ได้แต่ต้องเงียบปากลง
ที่สำคัญการที่เย่หยวนกำลังเดินผ่านค่ายกลระดับแปดมาได้นั้นมันก็ทำให้พวกเขาทั้งหลายเริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นไม่น้อย
ภายในมหาค่ายกลนั้นทางเย่หยวนก็ค่อยๆ ก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนราวกับกำลังเดินเล่นในสวนหลังบ้าน
ครึ่งวันจากนั้นในที่สุดเย่หยวนก็ได้เดินมาจนถึงสุดขอบของค่ายกล
นี่คือตาค่ายกลอันสุดท้ายก่อนจะหลุดเข้าสู่ภายใน!
เทพสวรรค์ห่าวหลินหรี่ตาลงเตรียมตัวร้องบอก “ทุกคนเตรียมตัวเถอะ!”
เวลานี้เทพสวรรค์หลายสิบคนได้ผสานกำลังเตรียมที่จะปล่อยออกมา ทันทีที่เย่หยวนก้าวผ่านจากค่ายกลออกมานั้นพวกเขาทั้งหลายก็จะพุ่งเข้าโจมตีในทันที
เย่หยวนนั้นยืนนิ่งและยกผลึกปราณเทวะขึ้นมาชี้สู่ฟ้าอีกครั้ง
ตูม!
จู่ๆ ทั้งวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็เริ่มสั่นไหวอย่างกับว่ามันมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
แกรก…
แกรก แกรก แกรก…
บนท้องฟ้านั้นมันเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาตามๆ กันปรากฏให้เห็นเด่นชัดว่าค่ายกลถ้วยนิลปีศาจเล่ห์นี้กำลังร้าวออก
และรอยร้าวทั้งหลายนั้นมันก็ยังคงขยายตัวขึ้นเรื่อยอย่างไม่มีทีท่างจะหยุด
เทพสวรรค์ห่าวหลินต้องเบิกตากว้างกมองดูภาพตรงหน้า เพราะเวลานี้ตัวเขาไม่อาจจะควบคุมพลังใดๆ ของมหาค่ายกลนี้ได้อีกแล้ว
ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด… ทลายลง!
ตอนนั้นที่จักรพรรดิเทพสวรรค์โม่จีมาตั้งค่ายกลนี้เขาต้องใช้เวลาในการค่อยๆ สร้างขึ้นมาถึงกว่าร้อยปีจึงจะตั้งมหาค่ายกลนี้ให้ทำงานได้
แต่เวลานี้มันกลับพักทลายลงในครึ่งวัน
เวลานี้ฟ้าดินสั่นสะท้านบ้านเรือนเริ่มสั่นทลายลง
วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางตกสู่ความวุ่นวายอย่างทันที
เทพสวรรค์ห่าวหลินเงยหน้าขึ้นมองดูร่างอันผอมบางนั้นด้วยสีหน้าซีดขาว
จอมเทพค่ายกลเจ็ดดาวกลับทำลายค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดลงได้?
นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียการเดินผ่านค่ายกลและการทำลายค่ายกลลงนั้นมันก็เป็นคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง
สำหรับค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้แล้วแต่ละตาค่ายกลมันย่อมจะถูกวางไว้ตำแหน่งที่เหมาะสมแก่การปล่อยพลังงานอย่างถึงที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...