“เป็นพลังงานผีร้ายที่หนาแน่นนัก!”
เย่หยวนและขวังต้าวมาถึงสันเขาทอดตัวยาวราวไม่มีสิ้นสุดลูกหนึ่งพร้อมกลิ่นเลือดโชยมาตามลมอย่างหนักหน่วงพร้อมเสียงโหยหวนแปลกๆ
ภายใต้แสงตะวันในเวลานี้มันดั่งกับว่าเขาทั้งเทือกนี้มันกำลังส่องแสงสีแดงสะท้อนออกมาสู่โลกภายนอก
ภายในป่าทึบนั้นมันมีผีเต๋ามากมายเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสาย
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนักหน่วงจากกายของเย่หยวนและขวังต้าว พวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ
“นายน้อย ระวังตัวด้วย มนุษย์นั้นต้องใช้พลังโลกของตนออกมาจัดการสกัดพลังงานผีร้ายนี้ เจ้าพลังงานผีร้ายนี้มันอันตรายต่อยอดฝีมือเผ่ามนุษย์อย่างมาก ต่อให้จะเป็นเหล่าเทพสวรรค์เองก็ไม่อาจจะต้านทานแรงกัดกินของมันได้มากนัก!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวบอก
แต่เย่หยวนกลับหันไปตอบด้วยรอยยิ้มสบายๆ “สกัด? เหตุใดต้องไปสกัดขัดขวางมันด้วย?”
พูดจบเย่หยวนก็เปิดใช้พลังของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนดูกลืนพลังงานผีร้ายนี้ลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต้องเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
นายน้อยของเขากลับกำลังกลืนพลังงานผีร้ายลงไปตรงๆ!
“นายน้อย!” ขวังต้าวนั้นร้องออกมาอย่างแตกตื่น
“เจ้ามนุษย์นั่นมันกลับคิดดูกลืนพลังงานผีร้ายเรา มันคงเบื่อชีวิตมากแล้ว!”
“หึๆ บางทีมันอาจจะคิดว่าผีอย่างพวกเรานั้นดีกว่าจึงคิดอยากเป็นอย่างพวกเราบ้าง?”
“อ่ะ แปลกๆ แล้ว! เหตุใดพลังของมันจึงเพิ่มพูนขึ้นแทนเล่า?”
ไกลออกไปนั้นเหล่าผีเต๋าทั้งหลายต่างร้องกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูกก่อนจะพบว่ามันมีบางอย่างผิดปกติไป
เพราะมนุษย์นั้นไม่ควรจะใช้พลังงานผีร้ายบ่มเพาะใดๆ ได้
การสูบมันเข้าไปนั้นมีแต่จะทำอันตรายต่อร่างกายของพวกเขา
แต่คลื่นพลังจากร่างกายของเย่หยวนมันกลับค่อยๆ พุ่งสูงขึ้น!
เย่หยวนนั้นยืนสูบพลังอยู่อีกพักใหญ่ก่อนที่จะหยุดลงด้วยรอยยิ้มสดชื่น
คลื่นพลังงานผีร้ายนี้มันหนาแน่นไม่ได้แพ้คลื่นพลังงานชั่วร้ายในถ้ำเนตรมังกร สามารถช่วยที่จะช่วยลดเวลาในการบ่มเพาะให้แก่เขาได้นับเท่าตัว
เมื่อได้เห็นใบหน้าตื่นตะลึงนั้นของขวังต้าวทางเย่หยวนก็ยิ้มขึ้นมา “พลังงานผีร้าย พลังงานชั่วร้าย พลังงานวิญญาณพลังงานฟ้าดินนั้นมันจะแตกต่างก็แค่ส่วนผสมเท่านั้น พลังงานผีร้ายนี้มันหนาแน่นมากเหมาะสมแก่การบ่มเพาะอย่างที่สุด หลังจากได้ข่ายเงินแก่นโลหิตมาแล้วข้าคงต้องขออยู่บ่มเพาะที่นี่ไปอีกพักใหญ่”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมองดูใบหน้าของเย่หยวนด้วยความชื่นชมสุดใจ “พรสวรรค์ของนายน้อยนี้มันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าท่านจอมเทพนิรันดร์!”
เขานั้นคิดตามเย่หยวนมาแค่ไม่กี่วันแน่นอนว่าย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับสิ่งที่หวู่เฉินได้เห็นในตัวเย่หยวนได้
ระหว่างที่พูดคุยกันไปจู่ๆ ในเทือกเขามันก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาพร้อมคลื่นพลังงานผีร้ายที่พุ่งพวงออกมาจากพื้นดิน
พร้อมๆ กันนั้นบนยอดเขามันก็มีลำแสงสีแดงเลือดส่องสาดออกมาทำให้คนที่พบเห็นต้องขนลุกทั่วกาย
ทางเข้าบ่อโลหิตอสุรานั้นอยู่ไกลออกไปอีกไม่น้อย แต่เวลานี้มันกลับมียอดฝีมือมากมายวิ่งกรูกันออกมาราวกับว่ากำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดชีวิต
พร้อมๆ กันนั้นที่ตามหลังพวกเขามาก็คือลำแสงสีเลือดนั้น
ใครก็ตามที่ถูกลำแสงนั้นเข้าจะหายกลายเป็นแค่ฝุ่นผงไป
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต้องขยี้ตามองภาพตรงหน้า “นี่มัน… เป็นพลังที่เหนือล้ำนัก! มันเกิดอะไรขึ้นในบ่อโลหิตอสุรากันแน่?”
แต่ทางเย่หยวนกลับเบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึงไม่น้อย “ปรากฏการณ์เช่นนี้ข้าเกรงว่ามันคงเป็นสัญญาณการกำเนิดของสุดยอดสมบัติล้ำค่า!”
ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้างห่างพวกเย่หยวนไปไม่ไกล “นี่มันเป็นครั้งที่สามในเดือนนี้แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าอีกสองบ่มโลหิตเองก็ได้พบเจอเรื่องราวคล้ายๆ กันด้วย ดูท่าแล้วบ่อโลหิตอสุราที่เงียบสงบมานานเองก็คงถึงเวลาที่จะปลดปล่อยเช่นกัน”
เย่หยวนหันไปมองที่ต้นเสียงในทันทีก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นศพเต๋าที่ดูไม่ธรรมดา
“เจ้ามาที่นี่บ่อยหรือ?” เย่หยวนถามขึ้น
อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับ “ข้านั้นมีนามว่าหวู่เจียง บ่มเพาะในบ่อโลหิตอสุรานี้มาตั้งแต่ระดับสี่”
เย่หยวนต้องเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน
เหล่ายอดฝีมือจรไร้ค่ายสังกัดทั้งหลายนี้มันมีจำนวนมากมาย พวกที่อยู่ระดับสี่หรือห้านั้นมีให้เห็นได้ทั่วไป พวกที่ก้าวขึ้นถึงระดับหกได้เองก็มีไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...