เวลานี้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายต่างตายไปลงอย่างมากมายภายใต้การโจมตีนี้
ไกลออกไปนั้นมันเป็นดั่งวันสิ้นโลก
สัตว์อสูรทั้งหลายในระยะรอบๆ นั้นต่างหวาดกลัวหนีทิ้งถิ่นอาศัยของตนไปสิ้น
ชายชุดเทาผู้นั้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะแผ่จิตออกมาสัมผัสทุกหย่อมหญ้า
ยอดฝีมืออาณาจักรเจ้าฟ้าดินนั้นจะต้องมีจิตที่แข็งแกร่งปานใด?
ต่อให้จะเป็นแค่หนอนน้อยในดิน พวกเขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพวกมัน
เขานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยไปพร้อมสัมผัสหาทุกสิ่งอย่างไม่คิดปล่อยให้มีอะไรหลุดรอดสายตา
ภายในค่ายกลนั้นเย่หยวนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่กล้าจะขยับตัวใดๆ แม้แต่น้อย
โชคยังดีที่คลื่นพลังของธนูสาบานสังหารเทพนั้นมันถูกคนผู้นี้ปกปิดไว้สิ้นแล้ว ไม่เช่นนั้นต่อให้จะมีฟ้าดินหนุนหลังเย่หยวนก็ไม่มีปัญญาจะปิดบังพลังของมัน
เมื่อสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนไกลออกไปนั้นเย่หยวนก็ตื่นตะลึงอยู่ในหัวใจ
การโจมตีของเจ้าฟ้าดินมันรุนแรงจนเกินไปแล้ว!
เขานั้นพุ่งตัวหนีมาในระยะนับแสนๆ กิโลเมตร แต่เขากลับยังสัมผัสได้ถึงแรงสั่นจากการโจมตีของอีกฝ่าย
ไม่นานนักมันก็มีคลื่นพลังสายหนึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้
เย่หยวนนั้นใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าค่ายกลปกปิดของเขานี้มันดีพอที่จะต่อต้านการค้นหาของเจ้าฟ้าดินหรือไม่
ความเข้าใจในเต๋าค่ายกลของเขานั้นมันเข้าไปถึงต้นกำเนิด นับได้ว่าสูงล้ำกว่าคนทั้งหลายไปมาก
ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ใดๆ เขาก็ไม่คิดหวาดกลัว
แต่กับเจ้าฟ้าดินนี้ เขาไม่อาจมั่นใจได้เลย
เวลานี้จิตหนักแน่นค่อยๆ กดทับลงผ่านหัวเย่หยวนไปจนทำให้หัวใจของเขาแทบระเบิดออก
โชคยังดีที่เมื่อจิตนี้เคลื่อนผ่านไป มันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสัมผัสถึงตัวเขาได้และคนผู้นั้นก็ได้บินผ่านหัวเขาไปในที่สุด
เป็นเวลานั้นเองที่จิตใจของเย่หยวนเริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง
แต่ว่าเย่หยวนเองก็ไม่กล้าประมาทและยังคงตั้งค่ายกลไว้อย่างต่อเนื่อง
และไม่นานจากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นจิตอีกสายหนึ่งที่แผ่ผ่านพื้นที่ไป
เป็นเวลานั้นเองที่เย่หยวนได้รู้ว่าคนที่ตามหาตัวชายคนนี้มันไม่ได้มีแค่คนเดียว
สามวันจากนั้นการค้นหาของคนทั้งสองก็ยังดำเนินต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดยั้ง
แต่หลังจากผ่านไปได้สามวันในที่สุดการค้นหามันก็สิ้นสุดลง
แต่ตัวเย่หยวนนั้นยังกังวลมาก ซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายกลอีกหนึ่งวันเต็มก่อนที่จะตัดสินใจออกมาสู่โลกภายนอก
หลังจากที่ออกมาได้เย่หยวนก็ไม่คิดรอช้ารีบเดินทางหนีพาตัวชายผู้นี้ไปไกลสุดฟ้า
ไม่รู้ว่าหนีมานานเท่าไหร่แต่สุดท้ายเย่หยวนก็เริ่มวางใจลงและหาถ้ำใกล้ๆ เข้าหยุดพัก
เขานั้นหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะออกมากางค่ายกลปิดกั้นไว้รอบๆ พื้นที่เต็มท้องฟ้า
พลังปิดกั้นนี้มันไม่ได้ก่อขึ้นเป็นรูปโดมเหมือนพลังปิดกั้นทั่วไป แต่แผ่ออกเหมือนใยแมงมุมทั่วระยะนับหมื่นกิโลเมตร
พลังปิดกั้นนี้มันไม่ได้มีผลทำร้ายผู้ที่เข้ามา แต่หากมีใครเข้ามาในระยะเย่หยวนก็จะรู้และสัมผัสได้ถึงตัวตนนั้นทันที
อาณาจักรเจ้าฟ้าดินนั้นมันเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งจนเกินไป เย่หยวนไม่คิดอยากตายโดยไม่รู้ว่าตัวเองตายอย่างไร
หลังจากเดินวนดูรอบๆ อีกราวครึ่งวันสุดท้ายเขาก็กลับมาถึงถ้ำ
ขวังต้าวนั้นได้แต่มองดูด้วยสีหน้าเหยเก “นายน้อย ฆ่ามันไปและเอาธนูสาบานสังหารเทพมาจะไม่ดีกว่าหรือ? แบบนี้มันอันตรายกับเรามาก! เจ้าฟ้าดินทั้งสองคนนั้นคงไม่มีทางปล่อยเรื่องจบไปเช่นนี้แน่!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้านั้นไม่ได้มีความแค้นใดๆ กับเขา การสังหารคนเพื่อปล้นชิงของนั้นมันเป็นสิ่งที่ข้าไม่อาจทำได้”
เทพสวรรค์ขวังต้าวได้แต่มองดูใบหน้าเย่หยวนด้วยสีหน้าตกตะลึง เขานั้นไม่อาจจะเข้าใจการกระทำของเย่หยวนได้แม้แต่น้อย
เพราะที่เขาเห็นนั้น เย่หยวนเองก็มิใช่คนใจอ่อนใดๆ แม้แต่น้อย
ในบ่อโลหิตอสุรานั้นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายลบหลู่ตัวเย่หยวนและเย่หยวนก็จัดการลงอย่างไร้ปรานีใดๆ
แต่ทำไมถึงมาใจอ่อนเอากับเรื่องแบบนี้?
เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจได้ว่าขวังต้าวคิดอะไรอยู่ในหัว “คนเรานั้นมันย่อมมีเรื่องที่ทำได้และทำไม่ได้! หากเจ้าติดตามข้าไปนานๆ เจ้าก็จะเข้าใจเอง เอาล่ะ เจ้าออกไปดูภายนอกเถอะ ข้าจะดูอาการคนผู้นี้เสียหน่อย!”
ขวังต้าวนั้นได้แต่ต้องส่ายหัวเดินออกไปเฝ้ายามที่ด้านนอกถ้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...